การจัดการเรียนรู้คละชั้นในโรงเรียนขนาดเล็ก ปี 2554

ตามที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต 2 ได้ประชุมครูวิชาการโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้คละชั้นในโรงเรียนขนาดเล็ก ปี 2554 ในวันที่ 7 กันยายน 2554 ณ ห้องประชุม 2 การหลอมแผนจัดการเรียนรู้คละชั้นในโรงเรียนขนาดเล็กระดับปฐมวัยและประถมศึกษา ปีงบประมาณ 2554 โรงเรียนขนาดเล็กเป้าหมายปี 2553-2555 โรงเรียนที่สมัครใจ และโรงเรียนเครือข่ายรูปแบบการจัดการเรียนรู้คละชั้น สพป.สท.2 “โรงเรียนบ้านนาพง Model 53” ทุกโรงเรียน และได้แบ่งความรับผิดชอบให้ครูวิชาการจัดทำการหลอมแผนการจัดการเรียนรู้คละชั้น เพื่อใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้รูปแบบการจัดการเรียนรู้คละชั้น สพป.สท.2 “โรงเรียนบ้านนาพง Model 53” นั้น

บัดนี้ ได้ทำการหลอมแผนการจัดการเรียนรู้คละชั้น ภาคเรียนที่ 2 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้โรงเรียนติดต่อขอรับ DVD หลอมแผนการจัดการเรียนรู้ ได้ที่ นายเฉลิมศักดิ์ กำมะหยี่ ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต 2 หัวหน้ากลุ่มงานวัดและประเมินผลการศึกษา หรือดาวน์โหลดจากลิงค์ด้านล่างนี้ 

ดาวน์โหลดแผนการจัดการเรียนรู้ 
1. คณิตศาสตร์ 
2. บูรณาการ
3. ภาษาไทย
4. ภาษาอังกฤษ
5. วิทยาศาสตร์

บ้านเย็นสบาย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี



อาหารทะเล สดๆ ( เน้นสดๆ)
เรามีบ้านพักติดกับชายหาดชะอำ สำหรับท่านที่ต้องการพาครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหาย ที่ต้องการพักผ่อน ริมชายหาดชะอำ ที่เพรียบพร้อมไปด้วยบริการต่างๆ มากมายใว้บริการท่าน เช่น บานาน่าโบ๊ท (Banana Boat) , จักรยานปั่น , ม้าขี่ริมหาด , เก้าอี้ชายหาด , รถมอเตอร์ไซต์เช่า, รถยนต์เช่า, อื่นๆ ครบครัน และทั้งยังอยู่ในทำเล ที่เพรียบพร้อมไปด้วย ตลาด, ร้านสะดวกซื้อ, แหล่งบันเทิง ในบริเวณใกล้เคียง ที่ท่านไม่ต้องเดินทางไปไกล
บ้านเย็นสบาย เป็นบ้านพัก 3 หลังติดกัน ซึ่งสามารถรองรับท่านหากมาเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะบ้าน 1 หลัง มีห้องนอน 2 ห้อง และมีห้องพักผ่อนด้านนอก สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสบาย พร้อมเครืองมือ เครื่องไม้ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น... ทีวี ตู้เย็น แอร์ พัดลม เครื่องทำน้ำอุ่น กระติกน้ำร้อน .. อื่นๆ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำ บ้าน
    ถ้าท่านที่ไม่ค่อย อะไรมาก(ไม่เรื่องมาก) กับการนอน กรณีมาเป็นกลุ่มเพื่อนฝูง กัน สามารถอยู่ได้ 10 -12 ต่อหลัง สบายๆ ...
    ใกล้บ้านพัก เรายังมีร้านอาหาร Sea Food ตามสั่ง บริการด้วยอาหารทะเล สดๆ ... เน้นว่า สดมากๆ .. รับประกันความสด ! ... เสิร์ฟถึงบ้านพัก ทุกหลัง
... อย่าช้า..!!! รีบโทร. จองบ้านใว้แต่เนิ่นๆ .... สบายใจ หายห่วง... "ป๋ากร" รับประกัน รีบโทร. 086-071-1145 :-) korn_yensabai@hotmail.com
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.baanyensabai.com/chaum_home_baanyensabai_aboutus.html

ดอนหวาย ตลามริมน้ำชื่อดังใกล้กรุง อยู่แถวพุทธมณฑลสาย 5


การเดินทาง
ตลาดดอนหวายนี่คนรู้จักกันเยอะมาก  คงไม่ต้องแนะนำตัวกัน  ขอเริ่มด้วยเรื่องการเดินทางที่เห็นว่าหลายคนอยากไปแต่ไม่รู้จะไปกันยังไง
ถ้าตั้งต้นการเดินทางจากถนนบรมราชชนนีขาออกมา ทางเข้าตลาดดอนหวายจะอยู่ที่ถนนพุทธมณฑลสาย 5
เพราะงั้นจะใช้ถนนพื้นราบหรือจะขึ้นคู่ขนานลอยฟ้ามาก็ได้   พอวิ่งมาลอดใต้สะพานต่างระดับพุทธมณฑลสาย 4 มาแล้ว จะชิดซ้ายเข้าทางคู่ขนานเลยก็ได้ หรือจะวิ่งเลยไปอีกหน่อยก็จะมีทางเบี่ยงเข้าคู่ขนานอีกที่หนึ่ง ถ้าเข้าทางเบี่ยงอันหลังนี้พอเข้าคู่ขนานมาปุ๊บก็รีบชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้ามาในถนนพุทธมณฑลสาย 5 เลย   (ระวังนิดช่วงพอใกล้จะถึงต่างระดับพุทธมณฑลสาย 4 จะต้องใช้ช่องกลางกับช่องขวาเท่านั้น เพราะพอใกล้ถึงทางต่างระดับ   ถนนช่องซ้ายสุดจะบังคับเลี้ยวซ้ายไปสำหรับจะไปพุทธมณฑลหรือเลี้ยวขวาขึ้นไปทางศาลายา)
เข้ามาในพุทธมณฑลสาย 5 แล้ว เดี๋ยวจะต้องเลี้ยวขวาที่สามแยกแรกที่ถึง ก่อนจะถึงสามแยกจะมีป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยวสีน้ำเงินอันใหญ่ แต่สังเกตยาก เหตุที่สังเกตยากนี่ไม่รู้ว่าต้นไม้ที่อยู่หน้าป้ายหรือตัวป้ายที่มาก่อนกัน แต่ที่แน่ ๆ คือต้นไม้บังป้ายไปเต็ม ๆ (ไม่รู้จะโทษใครดี) แต่เอาเถอะพออีกนิดเดียวจะถึงสามแยกก็จะมีป้ายอีกอันชี้ให้เลี้ยวไปตลาดวัดดอนหวายพอให้อุ่นใจว่าไม่หลง
เลี้ยวเข้ามาก็ตรงแน่วมาประมาณ 2 ก.ม. ก็จะสุดถนน ให้เลี้ยวขวามาอีกนิดเดียวก็ถึงทางเข้าวัดดอนหวายทางซ้ายมือแล้ว



ถึงแล้ววัดดอนหวาย



เข้ามาแล้วหาที่จอดรถกันก่อน  เลี้ยวเข้ามาจะมีลานจอดรถใหญ่ทางด้านซ้ายมือ เลี้ยวตรงหลังป้อมโค้กสีแดงได้เลย



ลานจอดรถกว้างขวาง จอดได้หลายร้อยคัน พอจอดเสร็จก็เดินทะลุทางอุโบสถเข้ามาก็ได้ หรือถ้าเข้าไปจอดด้านใน ๆ ก็จะมีทางเข้าด้านนั้นอีกที่หนึ่งด้วย



ถ้าลานด้านหน้าเต็ม ด้านข้างวัดจะมีลานจอดรถอีกที่หนึ่งแต่จอดรถได้น้อยกว่าลานด้านหน้านี้ พอขับเข้าประตูมาก็ตรงมาจนถึงหน้าพระอุโบสถ ก็เลี้ยวขวาแล้วมาเลี้ยวซ้ายเลียบกำแพงอุโบสถมา
แต่ถ้าวันไหนคนเยอะสุด ๆ มาลานด้านหลังนี้ก็ยังหาที่จอดไม่ได้  ให้ขับรถตามทางออกมาเลย  สังเกตว่าด้านขวามือจะมีลานจอดอีกแห่ง  แต่ต้องขับออกมาที่ถนนแล้วเลี้ยวขวามาเข้าที่จอดอีกที



วัดดอนหวายเห็นจะมีชื่อเสียงดังเรื่องตลาดริมน้ำ บรรยากาศในพระอุโบสถก็เลยเงียบสงัดขนาดนี้



ทางเดินทะลุจากพระอุโบสถต่อมา โซนด้านนี้ต้องถือว่าเป็นตลาดส่วนที่ขยายเพิ่มเติมขึ้นมาหลังจากที่ตลาดวัดดอนหวายได้รับความนิยมมากขึ้น สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกผักผลไม้เป็นหลัก แต่ถ้าจอดรถอยู่แถวนี้ยังไม่ต้องรีบซื้อก็ได้ ไว้เดินลุยเข้าไปด้านใน แล้วค่อยย้อนกลับมาซื้อขากลับก็ได้ จะได้ไม่ต้องหิ้วหนัก



วัดริมน้ำมักจะมีเขตอภัยทานอยู่หน้าวัด ที่วัดดอนหวายทำเป็นแพปลาไว้เลยทีเดียว ใครอยากไปนั่งเล่นให้อาหารปลาก็อยู่ตรงใกล้ ๆ กับโซนผลไม้นี่เอง



เดินถัดมาทางซ้าย จะเริ่มเป็นพวกอาหารสำเร็จกับพวกอาหารแห้งกันแล้ว



ฝรั่งก็มา



ชิมได้จ้า



พ่อค้ากำลังเรียงปลาสลิด



หนังปลากรายทอด ทอดกันตรงนั้นเลย



ปลาต้มเค็ม



สำหรับใครที่หิวตรงแถบ ๆ นี้จะมีแพอาหารอยู่เรียงติดกันหลายแพ มีอาหารให้เลือกกันหลายอย่างเลย



เลือกไม่ถูกว่าจะชิมร้านแพไหนดี ก่อนจะลงแพก็ลองเมียง ๆ มอง ๆ อาหารที่จะทำกันอยู่ดูก่อนก็ได้



เลยจากตรงนี้ไปก็จะเริ่มเข้าส่วนที่เป็นตลาดแต่ดั้งเดิมแล้ว จะสังเกตว่าจะเป็นเรือนไม้หันหน้าชนกัน ที่สำคัญมีร้านขายขนมให้เลือกกินกันเพียบไปหมด



มาถึงดอนหวายแล้ว ต้องไม่พลาดขนมตาลป้าไข่ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของดอนหวายไปแล้ว



หน้าร้านขายไป หลังร้านก็ทำกันไป



ทานแต่ขนมเดี๋ยวจะอ้วนแย่ รับผักไปทานบ้างไหม (ผักครึ่งนึง อย่างอื่นครึ่งนึง)



ติดกับร้านผักเป็นร้านน้ำพริก เข้าคู่กันได้ดีจริง ๆ



P1290185
ถัดเข้ามาอีกหน่อย จะเจอกับของเด่นดอนหวายอีกอย่าง คือเป็ดพะโล้ ที่นี่จะมีเจ้าดังอยู่สองเจ้า เจ้านี้คือ ร้านเป็ดพะโล้นายโอ



ลีลาสับเป็ดไปพูดไมค์ชวนคนเข้าร้านไป เพราะด้านหลังร้านจะมีแพอาหารด้วย ใครจะลงไปโซ่ยก๋วยเตี๋ยวเป็ดชิมรสชาติกันตรงนี้ก่อนซื้อกลับบ้านอีกทีก็ได้



ใครที่คิดถึงขนมเปียะแบบจีน ที่ดอนหวายยังมีร้านขายขนมแบบนี้อยู่ อยากกินอะไรให้คว้าถาดมาคีบ ๆ ๆ ๆ ได้ตามสะดวก แล้วค่อยส่งให้อาแปะคิดตังค์อีกที



ร้านดังอีกร้าน เป็ดพะโล้นายหนับ



ต้มเป็ดกันมือเป็นระวิง



แต่ละคนหิ้วกันเพลินไปเลย ถึงได้บอกว่าอย่าเพิ่งรีบซื้อผลไม้ เดี๋ยวจะหิ้วกันไม่ไหว



บางมุมของตลาดก็ยังมีกลิ่นอาย บรรยากาศแบบย้อนยุคหลงเหลืออยู่บ้าง



รวมถึงร้านตัดผมในบรรยากาศขรึม ๆ (แต่คงไม่ใช่ร้านของพ่อเจี๊ยบแน่ )



เดินหิ้วของกินมาตั้งเยอะ ลองมานั่งเรือชมวิวไป แกะถุงขนมมาลองชิมกันไป ก็ไม่เลว
ที่ดอนหวายจะมีเรือให้บริการล่องแม่น้ำท่าจีนอยู่ 2 เจ้าด้วยกัน
เจ้าแรกคือ เรือศรีสวัสดิ์ย้อนยุค ที่เอาเรือเอี้ยมจุ๊นมาดัดแปลงตั้งโต๊ะตั้งเก้าอี้ให้นั่งกันสบาย ๆ พร้อมไกด์บรรยายในเรือไปด้วย
เรือจะมีกัน 2 เส้นทางด้วยกัน
เส้นทางแรก วัดดอนหวาย - วัดท่าพูด - วัดไร่ขิง - วังปลา ใช้เวลา 1 ชม. 15 นาที ค่าเรือถ้าผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็กคนละ 25 บาท วันหยุดมีเรือออกกันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น เรียกว่าออกกันทุกชั่วโมง ส่วนถ้ามาวันธรรมดาจะมีแค่ 2 รอบ คือ เที่ยงครึ่งกับบ่ายสองโมง
ส่วนเส้นที่สอง จะไปไกลกว่าเส้นแรก คือ วัดดอนหวาย - วัดไร่ขิง - วังปลา - ลอดใต้สะพานโพธิ์แก้ว - รร.ภปร.ราชวิทยาลัย - วัดสรรเพชร - วัดเดชานุสรณ์ - สวนสามพราน ใช้เวลา 2 ชม. ค่าเรือ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท เรือจะมีวันละ 4 รอบ เริ่มรอบแรกกันตอน 11 โมงเช้า แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์จะมีตอน 10 โมงเพิ่มอีกรอบ ส่วนรอบสุดท้าย บ่าย 3 โมงครึ่ง

อีกเจ้านึงคือ เรือดอนหวายการท่องเที่ยว เจ้านี้จะเป็นเรือสองชั้นลำใหญ่กว่าเจ้าแรก แล่นในเส้นทางวัดดอนหวาย - วัดทรงคนอง - วัดหอมเกร็ด - วังปลา ค่าเรือ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 25 บาท
รอบเรือถ้าเป็นวันหยุด จะเริ่มกันตั้งแต่ 9 โมงครึ่ง แล้วจะมีเรือออกเรื่อย ๆ ทุก 45 นาทีไปจนรอบสุดท้ายเวลา 16.15 น. แต่ถ้าเป็นวันธรรมดา จะมีเรือออกรอบเดียวตอน 12.30 น.
ถ้ายังไม่รู้จะไปเจ้าไหนดี ลองไปดูรูปที่เคาเตอร์ขายตั๋วได้ เคาเตอร์ที่ว่าก็หาไม่ยาก เพราะแต่ละเจ้าก็มีประกาศออกไมค์เชิญชวนคนให้ลงเรืออยู่ลั่นตลาดไป



อิ่มท้องล่องเรือกันมาแล้ว ก็ได้เวลากลับบ้าน
ขอแนะนำเพิ่มเติมสักนิดสำหรับจะขับรถกลับว่า ไม่ต้องกลับทางเดิมก็ได้ 
ตอนขับรถออกจากวัดดอนหวายให้เลี้ยวซ้ายมาเลย พอถึงสามแยกแรกที่เจอก็เลี้ยวขวาเข้ามา (ปากทางจะมีป้าย " บางเตยซอย 2" )  ถนนจะตรงมาออกที่ถนนบรมราชชนนี



พอเข้าบรมราชชนนีแล้วเลยไปอีกนิดเดียวก็จะมีสะพานลอยกลับรถ อันที่อยู่ตรงหน้าสถานีขนถ่ายสินค้าแล้ว
ถ้าวิ่งออกทางเดิมที่พุทธมณฑลสาย 5 ก็ต้องมากลับรถที่สะพานลอยอันนี้อยู่ดี เท่ากับต้องขับย้อนไปย้อนมา
แต่ถ้ายังไม่อยากกลับบ้านแนะนำให้ขับรถเลยขึ้นไปเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ที่อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ตรงบริเวณ กม.31   หรือกลับรถมาแล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 2 แวะไปชม บ้านพิพิธภัณฑ์ กันต่อ
ขอบคุณที่มาข้อมูล
http://www.thaiweekender.com/index.php/donwai.html
Read more: http://www.thaiweekender.com/index.php/donwai.html#ixzz1lMmYNKfG

พระปฐมเจดีย์

พระปฐมเจดีย์ 
เป็นพระมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย การที่ได้ชื่อว่าพระปฐมเจดีย์นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ทรงสัณนิษฐานว่า น่าจะเป็นพระเจดีย์เก่ากว่าพระเจดีย์อื่น ๆ ในประเทศสยาม สันนิษฐานว่าสร้างสมัยทวาราวดี ตั้งอยู่ที่เมืองนครไชยศรีในสมัยก่อน ปัจจุบันอยู่ในอำเภอเมืองนครปฐม

จากเอกสารเก่าที่บันทึกเรื่องนี้ไว้มีประวัติว่า พระปฐมเจดีย์ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๕๐๐ ก็มี พ.ศ. ๑๐๐๐ ก็มี พ.ศ. ๑๑๘๕ ก็มี พ.ศ. ๑๒๖๔ ก็มี พ.ศ. ๑๖๓๐ ก็มี ความสูง ๔๐ วา ๕ ศอก มีพระแท่นบรรทม ที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาบรรทม บรรจุพระทันตธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้ว องค์หนึ่ง บรรจุพระบรมธาตุ หนึ่งทะนาน มีปรากฎก่อนพบพระพุทธบาท พระพุทธฉาย กว่าพันปี
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ในขณะที่ทรงผนวชอยู่และได้ไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ได้ทรงแสดงสภาพพระปฐมเจดีย์ไว้ว่า เป็นเพระเจดีย์ใหญ่ยอดปรางค์ ตอนหนึ่ง ฐานล่างกลมเป็นรูประฆัง ตอนหนึ่ง น่าจะทำมาหลายคราว คนทั่วไปเรียกว่า พระปทม เนื่องด้วย เชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จมาบรรทมที่นั่น จากฝีมือทำอิฐและก่อ แสดงว่าเป็นของทำมาเก่าแก่หลายครั้ง ที่เนินใหญ่เป็นกองอิฐหักลงมา เมื่อขุดลงไปสักสองสามศอกพบอิฐยาวศอกหนึ่ง หน้าใหญ่สิบสองนิ้ว หน้าน้อยหกนิ้ว ก่อเป็นพื้น น่าจะเป็นองค์พระเจดีย์เดิมหักพังลงมา แล้วมีการก่อพระเจดีย์ออกบนเนินเรียงรายอยู่สี่วิหาร
มีวิหารพระนาคปรก วิหารพระไสยาสน์ วิหารไว้พระพุทธรูปต่าง ๆ และวิหารพระป่าเลไลย์ วิหารหลวงพระอุโบสถอยู่บนพื้นแผ่นดิน ตั้งแต่หลังเกาะสูงประมาณมีถึงห้าวา หลังเกาะขึ้นไปเป็นองค์พระเจดีย์กลม ๑๔ วา ๒ ศอก ปรางค์สูง ๒๐ วา ยอดนพศูลสูง ๘ ศอก รวมความสูงตั้งแต่หลังเกาะถึงยอดนพศูลสูง ๘ ศอก รวมความสูง ตั้งแต่หลักเกาะถึงยอดนพศูล ๔๐ วา ๒ ศอก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์เป็นแม่กองทำการปฏิสังขรณ์ และเมื่อสมเด็จเจ้าพระยา ฯ ถึงแก่พิราลัย ก็ได้โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยานิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี เป็นแม่กองดำเนินการต่อไป ได้จ้างพวกมอญทำอิฐ รวมทั้งทาสลูกหนี้ด้วย โดยคิดหักค่าตัวให้ จ้างจีนมาเผาปูน และ เป็นช่างก่อ เอาราษฎรจากเมืองนครไชยศรี เมืองสมุทรสาคร เมืองราชบุรีและเมืองพนัสนิคม โดยแบ่งคนออกเป็นสี่ผลัด เดือนละสองร้อยคน เมื่อก่อพระเจดีย์ได้สูง ๑๗ วา ๒ ศอก 
ต่อมาเกิดฝนตกหนักอิฐที่ก่อทรุดตัวลง เพราะฐานทักษิณไม่มี จึงต้องรื้อออกทำใหม่ โปรดเกล้า ฯ ให้ถมพื้นที่ลุ่มดอนให้เสมอกัน ก่อฐานใหญ่รอง ๕ เส้น ๑๖ วา ๓ ศอก องค์พระเจดีย์ถึงยอดนพศูล ตลอดยอดมงกุฏ สูง ๓ เส้น ๑ คืบ ๖ นิ้ว 

ขอบคุณที่มาข้อมุลนี้   
 http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bigkub&month=29-08-2009&group=2&gblog=3

หลวงปู่ทวด เหยียน้ำทะเลจืด


สมเด็จหลวงพ่อทวด เหยียน้ำทะเลจืด หลวงพ่อทวด หรือ สมเด็จพะโคะ มีนามเดิมว่าปู เป็นบุตรนายหู นางจัน วัน เดือน ปีเกิดของเด็กชายปูบ้างว่าเป็นเดือน ๔ ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ. ๒๑๒๕ บ้างว่าปี พ.ศ. ๙๙๐ ฉลู สัมฤทธิศก บ้างว่า พ.ศ.๒๑๓๑ โดยอนุมาน เข้าใจว่าคงเป็นปลายสมัยมหาธรรมราชา อาจเป็นปี พ.ศ. ๒๑๒๕ หรือ ๒๑๓๑ตอนเด็กชายปูยังเป็นทารก มีเรื่องเล่าเป็นปาฏิหาริย์เอาไว้ว่าหลังจากนางจันเลิกอยู่ไฟก็ออกเกี่ยวข้าวทันที วันหนึ่งนางไปเก็บข้าวก็เอาบุตรให้นอนในเปลใต้ต้นหว้า งูตะบองสลาขึ้นมานอนบนเปลนั้น มารดา บิดาเห็นก็ตกใจ งูก็เลื้อยหายไป แต่ได้คายแก้ววิเศษเอาไว้ให้  เมื่อเด็กชายปูอายุได้ ๗ ขวบ บิดาได้นำไปฝากไว้กับท่านสมภารจวง ซึ่งเป็นพี่ชายของนางจันผู้เป็นมารดา (หลวงลุง) วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ เด็กชายปูมีความเฉลียวฉลาดมากสามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ ๑๐ ขวบ ก็บวชเป็นสามเณรและบิดาได้มอบแก้ววิเศษไว้เป็นของประจำตัว ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับพระชินเสน
ที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงมากมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่ออายุได้ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ต่อมาก็ได้เข้ารับการอุปสมบท มีฉายาว่า ราโมธมฺมิโก แต่คนทั่วๆไปเรียกว่า เจ้าสามีราม เจ้าสามีรามได้ศึกษา อยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆ อีกหลายวัด


 
  เมื่อเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอ จึงได้ขอโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา ขณะเดินทางถึงเมืองชุมพรเกิดคลื่นลมทะเลปั่นป่วนเรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ต้องทอดสมออยู่ถึง ๗ วัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมด บรรดาลูกเรือจึงตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดอาเพศในครั้งนี้เป็นเพราะเจ้าสามีราม จึงตกลงใจให้ส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะ ได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาด ขณะนั้งอยู่ในเรือมาดนั้นท่านได้ห้อยชายเท้าแช่ลงไปในทะเล ก็บังเกิดอัศจรรย์ น้ำทะเลบรเวณนั้นเป็นประกายแวววาวโชติช่วง เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่มก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืดจึงช่วยกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาจึงนิมนต์ให้ขึ้นสำเภาอีกและตั้งแต่นั้นเจ้าสามีรามเป็นชีต้น หรืออาจารย์ของสำเภาอิน สืบมา
  อภินิหารที่ท่านสามีรามเหยียบน้ำทะเลจืดเป็นที่โจษขานมาจนถึงบัดนี้ และเหตุการณ์ตอนนี้เล่าเสริมพิศดารขึ้นว่า ตอนแรกนายอินเชื่อมั่นว่าพระสามีรามเป็นกาลกิณีเรือจึงต้องพายุเพราะก่อนมาไม่เคยเป็น เมื่อคลื่นสงบจึงคิดจะเอาเจ้าสามีรามปล่อยเกาะ แต่ครั้นเห็นปฏิหาริย์จึงขอขมาโทษ

  ในยุคนี้และสมัยนี้ เกือบจะไม่มีชาวไทยคนใดเลย ที่จะไม่ได้ยินหรือได้ฟังกิติศัพท์เล่าลือเกี่ยวกับ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ความศักดิ์สิทธิ์อันนี้ บ้างก็เป็นเรื่องของการคลาดแคล้วจากอุบัติเหตุสยอง จากไฟไหม้หรือภัยพิบัติ นานานับประการ และหลวงพ่อทวดมิใช่จะคุ้มครองเฉพาะในด้านอุบัติเหตุเท่านั้น แม้แต่ในทางโชคลาภ ก็ให้ผลอย่างดีที่สุด ดังที่ได้ประจักษ์แก่ผู้เลื่อมใสมาแล้ว

 
    
  วัดห้วยมงคล เป็นวัดที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลกแต่เดิมใช้ชื่อว่า วัดห้วยคต ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านห้วยคต ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนามใหม่จากห้วยคตเป็นห้วยมงคลซึ่งปัจจุบัน ใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้าน วัด โรงเรียน และโครงการต่างๆ อีกมากมาย

  กว่าสี่สิบปีแล้วที่หมู่บ้านห้วยมงคล เป็นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมาเยี่ยมประชาชนด้วยโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผสกนิกรได้มีฐานะดีขึ้น ประชาชนมีสุขกันทั่วหน้า และโครงการต่างๆ ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะมีส่วนราชการให้การดูแล รวมทั้งทรงอุปถัมภ์วัดห้วยมงคลไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจสำหรับชาวบ้าน

  ต่อมาพระครูปภัสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคลองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นนักพัฒนาที่มีศีลจารวัตที่ดีงามเป็นที่เคารพบูชาของคนในชุมชนบ้านห้วยมงคล และพลเอกวิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุหราชองครักษ์ ได้มีดำริที่จะสร้าง หลวงพ่อทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพนะชนมพรรษาครบ ๖ รอบ รวมทั้งเผยแผ่และสืบทอด พระพุทธศาสนา อีกทั้งให้เป็นที่เคารพสักการะบูชา และเป็นที่พึ่งทางใจ ของเหล่าพุทธศาสนิกชน

    

  ด้วยเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ที่พุทธศาสนิกชนในภาคใต้ให้ความเคารพเลื่อมใสมาเป็นเวลานาน และรู้จักเป็นอย่างดี จึงก่อเกิดการร่วมมือร่วมใจจากหลายองค์กรทั้งทางภาครัฐ และเอกชน ในการสร้างปฏิมากรรมองค์จำลองหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกาลนี้ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงทอดพระเนตร เททองหล่อองค์หลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๗ และพระราชทานพระราชานุญาตให้คณะกรรมการจัดสร้างอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ขึ้นประดิษฐานที่หน้าองค์รูปหล่อองค์หลวงพ่อทวด

  นอกจากนี้ที่วัดห้วยมงคลแห่งนี้ ยังมีหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจือแกะสลักจากไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่อายุกว่าพันปี มราฝังอยู่ในทรายใต้แม่น้ำยม จ.แพร่ ลึกกว่า ๑๐ เมตร ชาวบ้านเชื่อกันว่า ต้นไม้ที่มีแก่นสูง ๑ คีบขึ้นไปจะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่ เพื่อปกป้องคุ้มครอง คนที่มาสักการะบูชา เมื่อนำต้นตะเคียนทองมาทำรูปเคารพ เช่นแกะสลักเป็นหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จึงมีอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์เป็นทวีสิทธิ์ ดลบันดาลให้ทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ความเจริญปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

    

  บัดนี้รูปหล่อหลงพ่อทวดองค์ใหญ่มี่สุดในโลกซึ่งหล่อด้วยโลหะผสม หน้าตักกว้าง ๙.๙ เมตร สูง ๑๑.๕ เมตร บนฐานสูง ๓ ชั้น ชั้นล่างกว้าง ๗๐ เมตร ยาว ๗๐ เมตร ได้จัดสร้างเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่จะให้พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศได้เดินทางมานมัสการ กราบไหว้ เคารพ สักการะ ด้วยเส้นทางที่สะดวกต่อการคมนาคม

  การเดินทาง จากหัวหินใช้เส้นทางหนองพลับ-ป่าละอู(ทางหลวงหมายเลข 3218) ระยะทางประมาณ 14กิโลเมตร ถึงตำบลทับใต้เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกหนองตะเภา แล้วเข้าไปตามทางจนถึงวัดห้วยมงคล เปิดระหว่างเวลา 05.00-22.00 น.

ลูกคิด (ABACUS)




ประวัติความเป็นมาของลูกคิด
มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนามาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ลูกหิน  ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิดจนมาถึงลูกคิดประวัติความเป็นมาของลูกคิดเท่าที่ค้นหาได้  แบ่งออกเป็น 2 แนวทางคือ
แนวทางที่1. กล่าวว่า   จากหลักฐานประวัติศาสตร์พบว่า ลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณที่ชาว
จีนใช้กันมากว่า 7,000 ปี และใช้กันในอียิปต์โบราณมากว่า 2,500 ปี
แนวทางที่2. กล่าวว่า   ในระยะ 5,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนา มาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิด   ต่อมาประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการ คำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด
ลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่มนุษย์ได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา ซึ่งถือได้ว่า เป็นอุปกรณ์ใช้ช่วยการคำนวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและคงยังใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน   พัฒนาการของอุปกรณ์ในปัจจุบันที่มีพื้นฐานมาจากลูกคิดก็คือ เครื่องคิดเลข และคอมพิวเตอร์
ลูกคิดที่ยังมีใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ คือ ลูกคิดจีน และ ลูกคิดญี่ปุ่น  ลักษณะลูกคิดของจีนมีตัวนับข้างบน 2 แถว ข้างล่าง 5 แถว   ขณะที่ลูกคิดของญี่ปุ่นมีตัวนับข้างบน 1 แถว ข้างล่าง 4 แถว   แม้ลูกคิดจะเป็นอุปกรณ์คำนวณสมัยเก่า แต่ก็มีความสามารถในการคำนวณเลขได้ทุกระบบ
ภาพที่1. ลูกคิดจีน
chinese abacus
ภาพที่2. ลูกคิดญี่ปุ่น
japanese abacus
ภาพที่3. เปรียบเทียบการคำนวณของลูกคิดจีน  ญี่ปุ่น   รัสเซีย
3 types abacus
ภาพที่4. กระดานคำนวณของชาวกรีกโบราณ3 types abacus (2)
3 types abacus (3)
แบบโบราณจากเกาะกรีกของชาวซาลามิสเป็นแผ่นหินอ่อนขนาดยาว 1.5 เมตร เชื่อกัน
ว่าพวกแลกเปลี่ยนเงินตรานำไปใช้ในโบสถ์ ข้อความที่จารึกไว้บนแท่งหินแสดงรายการ
ราคาและชื่อของเหรียญต่างๆ เช่น แดร็กมา แทลเลนส์ และโอโบล เป็นต้น

ความหมาย ลูกคิด จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เป็นเครื่องมือสำหรับใช้คำนวณ นับเป็นเครื่องคิดเลข ยุคแรกๆ ของโลก ประกอบด้วยโครงสี่เหลี่ยม และมีแกนร้อยตัวลูกคิดกลมๆ สำหรับใช้นับเลข สามารถเลื่อนขึ้นลงได้ ลูกคิดแบบเชิงกลเช่นนี้มีด้วยกันหลายแบบ และหลายภูมิภาค เช่น บาบิโลน โรมัน จีน ญี่ปุ่น แต่ที่รู้จักกันดีคือลูกคิดแบบจีน
ความหมาย ลูกคิด จาก NECTEC   Thailand
ลูกคิด เป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่มนุษย์ได้ประดิษฐ์ คิดค้นขึ้นมาโดยชาวตะวันออก(ชาวจีน) และยังมีใช้งานอยู่ในปัจจุบัน มีลักษณะต่างๆออกไป เช่น ลูกคิดของจีนจะมีตัวนับรางบนสองแถว ขณะที่ลูกคิดญี่ปุ่นจะมีตัวนับรางบนเพียงแถวเดียว แม้เป็นอุปกรณ์สมัยเก่า แต่ก็มีความสามารถในการคำนวณเลขได้ทุกระบบ

ลูกคิดที่นิยมใช้กันมีอย่างน้อย 10 หลัก แต่ละหลักจะมีลูกคิดหลักละ 7 ลูก
มีขื่อกั้นแบ่งลูกคิดตอนบนและตอนล่าง ตอนบนมีลูกคิดหลักละ 2 ลูก ตอนล่างมีลูกคิดหลักละ 5 ลูก

ส่วนประกอบของลูกคิด
คำอธิบาย ส่วนประกอบของ ลูกคิด
  Frame  ขอบ(กรอบ)ราง
  Upper Deck  กรอบรางตอนบน
  Lower Deck  กรอบรางตอนล่าง
  Beam  ขื่อ
  Rods  หลัก(แกนราง)
  Beads  เม็ดลูกคิด



วิธีนับหลักของลูกคิดว่าหลักใดเป็นหลักหน่วย หลักสิบ หลักร้อย หลักพัน ฯลฯ มีวิธีนับเช่นเดียวกับการนับหลักจำนวนเลขตามวิธีเลขคณิต โดยเลือกกำหนดให้แกนรางหลักสุดท้ายหรือหลักขวาสุดเป็นหลักหน่วย และไล่หลักทางซ้ายมือต่อๆไป

หรือหากมีความชำนาญแล้ว สามารถกำหนดแกนรางตำแหน่งใดๆเป็นหลักหน่วย
  <-- แกนถัดไปทางซ้าย 1 แกนเป็นหลักสิบ
  <-- แกนถัดไปทางซ้าย 2 แกนเป็นหลักร้อย
  <-- แกนถัดไปทางซ้าย 3 แกนเป็นหลักพัน
  --> แกนถัดไปทางขวา 1 แกนเป็นทศนิยมตำแหน่งที่ 1
  --> แกนถัดไปทางขวา 2 แกนเป็นทศนิยมตำแหน่งที่ 2
ความหมายของคำที่ใช้ในการดีดลูกคิด

  • ให้    หมายความว่า  เพิ่ม หรือ บวก
  • ทด   หมายความว่า  เพิ่มไปข้างหน้าทางซ้ายมือหนึ่งหลัก
  • ถอน หมายความว่า  ลบออก หรือ หักออก
  • ยืม   หมายความว่า  ยืมจากทางซ้ายมือหนึ่งหลัก
    วิธีใช้นิ้ว
    การใช้นิ้วในการดีดลูกคิดให้ถูกหลักและวิธี จะต้องใช้นิ้ว 3 นิ้วช่วยกัน คือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ในขณะดีดลูกคิดไม่ควรให้ข้อศอกของมือที่ใช้ดีดลูกคิดแตะพื้นโต๊ะ การฝึกดีดลูกคิดให้ถูกหลักและวิธี จะทำให้คิดเลขได้คล่องแคล่ว เกิดความชำนาญและสามารถคิดเลขได้รวดเร็วไม่แพ้การใช้เครื่องคิดเลข

    การใช้นิ้วทั้ง 3 ในการดีดลูกคิดจะแบ่งหน้าที่กัน ดังนี้
  • นิ้วหัวแม่มือ ใช้สำหรับดีดลูกคิดตอนล่างขึ้น
  • นิ้วชี้           ใช้สำหรับดีดลูกคิดตอนบนและตอนล่างลง และช่วยนิ้วหัวแม่มือจับลูกคิดตอนล่างขึ้น
  • นิ้วกลาง      ใช้สำหรับดีดลูกคิดตอนบนขึ้น
    วิธีใช้นิ้วดีดลูกคิด

    ค่าของเม็ดลูกคิด
  • เม็ดลูกคิด ตอนบน  มีค่าเม็ดละ 5 หน่วย
    หลักหน่วย   มีค่า        5
    หลักสิบ       มีค่า      50
    หลักร้อย     มีค่า     500
    หลักพัน      มีค่า  5,000
  • เม็ดลูกคิด ตอนล่าง มีค่าเม็ดละ 1 หน่วย
    หลักหน่วย   มีค่า        1
    หลักสิบ       มีค่า      10
    หลักร้อย     มีค่า     100
    หลักพัน      มีค่า  1,000

    ดังนั้น ลูกคิดตอนล่าง 5 ลูก มีค่าเท่ากับลูกคิดตอนบน 1 ลูก
    และ ลูกคิดตอนบน 2 ลูก มีค่าเท่ากับลูกคิดตอนล่างถัดไปทางซ้ายมือ 1 ลูก

    เมื่อต้องการดีดลูกคิด ต้องจัดลูกคิดตอนบนเลื่อนขึ้นไปติดขอบบน และลูกคิดตอนล่างเลื่อนไปติดขอบล่าง โดยปล่อยตรงกลางระหว่างขื่อว่างไว้ เวลาคิดจะเลื่อนลูกคิดไปติดขื่อ 
    อ่านค่าการคำนวณจากเม็ดลูกคิดที่ติดขื่อ
    ตัวอย่าง จากภาพอ่านค่าได้เป็น 8,215 (แปดพันสองร้อยสิบห้า)
    8,215

    หลักในการตั้งตัวเลข
    ในการดีดลูกคิดจะตั้งหลักใดเป็นหลักหน่วยก็ได้ แต่ต้องจำให้ได้ โดยปกตินิยมให้หลักหน่วยอยู่ชิดขอบขวามือ แล้วนับหลักถัดไปทางซ้ายมือเป็นหลักสิบ หลักร้อย หลักพัน ตามลำดับ ตัวอย่างเช่นตั้งตัวเลข 
    8,215

    ตั้ง 
    หลักพัน เป็นอันดับแรก โดยเลื่อนลูกคิดตอนบนลงมาติดขื่อ 1 ลูก และเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 3 ลูก (5+3=8)
    ตั้ง 
    หลักร้อย เป็นอันดับถัดมา โดยเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 2 ลูก (2)
    ตั้ง 
    หลักสิบ เป็นอันดับถัดมา โดยเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 1 ลูก (1)
    ตั้ง 
    หลักหน่วย เป็นอันดับสุดท้าย โดยเลื่อนลูกคิดตอนบนลงมาติดขื่อ 1 ลูก (5)
    วิธีบวกด้วยลูกคิด
    วิธีบวกด้วยลูกคิดจะเริ่มบวกตั้งแต่หลักทางซ้ายมือไปหาหลักทางขวามือ หรือจากหลักที่มีค่าสูงไปหาหลักที่มีค่าต่ำ(หลักหน่วย) เช่นเดียวกับการตั้งตัวเลข และเป็นทางตรงกันข้ามกับการบวกด้วยวิธีเลขคณิต ซึ่งบวกจากทางขวามือไปทางซ้ายมือ หรือเริ่มบวกจากหลักหน่วย ไปหาหลักสิบ หลักร้อย ตามลำดับ

    ตัวอย่าง  8215+1260
    วิธีเลขคณิต
    8 2 1 5
    1 2 6 0 +9 4 7 5
    การบวกตามวิธีเลขคณิตจะเริ่มบวกจากหลักหน่วย ไปหาหลักสิบ หลักร้อย หลักพัน ตามลำดับ

    วิธีลูกคิด
    +1260
    ลูกคิดที่ระบาย
    สีดำ เป็นตัวตั้ง | ลูกคิดที่ระบายสีน้ำเงิน เป็นตัวบวก

    การตั้งตัวเลข 8215 จะตั้งตามลำดับ ดังนี้
    ตั้ง 
    หลักพัน เป็นอันดับแรก โดยเลื่อนลูกคิดตอนบนลงมาติดขื่อ 1 ลูก และเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 3 ลูก (5+3=8)
    ตั้ง 
    หลักร้อย เป็นอันดับถัดมา โดยเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 2 ลูก (2)
    ตั้ง 
    หลักสิบ เป็นอันดับถัดมา โดยเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 1 ลูก (1)
    ตั้ง 
    หลักหน่วย เป็นอันดับสุดท้าย โดยเลื่อนลูกคิดตอนบนลงมาติดขื่อ 1 ลูก (5)

    การบวกตัวเลข 1260 จะบวกตามลำดับ ดังนี้
    บวก 
    หลักพัน เป็นอันดับแรก โดยให้ลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 1 ลูก (1)
    บวก 
    หลักร้อย เป็นอันดับถัดมา โดยให้ลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 2 ลูก (2)
    บวก 
    หลักสิบ เป็นอันดับถัดมา โดยให้ลูกคิดตอนบนลงมาติดขื่อ 1 ลูก และให้ลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 1 ลูก (5+1=6)
    บวก 
    หลักหน่วย เป็นอันดับสุดท้าย โดยให้ลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 0 ลูก (0)อ่านค่าการคำนวณจากเม็ดลูกคิดที่ติดขื่อ จากภาพอ่านค่าได้เป็น 9,475 (เก้าพันสี่ร้อยเจ็ดสิบห้า)
    9475

    ในการดีดลูกคิดให้ชำนาญ คล่องแคล่ว รวดเร็ว จะต้องใช้นิ้วถูกต้อง คิดตามลำดับขั้น

    วิธีลบด้วยลูกคิด
    วิธีลบด้วยลูกคิดนั้นตรงข้ามกับการบวก การบวกคือการให้หรือเพิ่ม ส่วนการลบนั้นคือการถอนหรือหักให้น้อยลง เมื่อต้องการลบเลขจำนวนหนึ่งออกจากเลขอีกจำนวนหนึ่ง จะต้องตั้งตัวเลขบนลูกคิดเช่นเดียวกับการตั้งเลขเมื่อต้องการบวก จำนวนเลขที่จะนำไปลบตัวตั้งนั้น เริ่มลบตั้งแต่หลักซ้ายมือไปหาหลักขวามือ เช่นเดียวกับการบวกตัวเลขด้วยลูกคิด แต่ต่างกับการลบเลขตามวิธีเลขคณิต
    ตัวอย่าง  9475-2351
    วิธีเลขคณิต
    9 4 7 5
    2 3 5 1 -7 1 2 4
    การลบตามวิธีเลขคณิตจะเริ่มลบจากหลักหน่วย ไปหาหลักสิบ หลักร้อย หลักพัน ตามลำดับ

    วิธีลูกคิด
    -2351
    ลูกคิดที่ระบาย
    สีแดง เป็นตัวลบ | ลูกคิดที่ระบายสีน้ำเงิน เป็นตัวให้ หรือเพิ่ม

    การตั้งตัวเลข 9475 จะตั้งตามลำดับ ดังนี้
    ตั้ง 
    หลักพัน เป็นอันดับแรก โดยเลื่อนลูกคิดตอนบนลงมาติดขื่อ 1 ลูก และเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 4 ลูก (5+4=9)
    ตั้ง 
    หลักร้อย เป็นอันดับถัดมา โดยเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 4 ลูก (4)
    ตั้ง 
    หลักสิบ เป็นอันดับถัดมา โดยเลื่อนลูกคิดตอนบนลงมาติดขื่อ 1 ลูก และเลื่อนลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 2 ลูก (5+2=7)
    ตั้ง 
    หลักหน่วย เป็นอันดับสุดท้าย โดยเลื่อนลูกคิดตอนบนลงมาติดขื่อ 1 ลูก (5)

    การลบตัวเลข 2351 จะลบ หรือถอนออกตามลำดับ ดังนี้
    ลบ 
    หลักพัน เป็นอันดับแรก โดยถอนลูกคิดตอนล่างลงจากขื่อ 2 ลูก (2)
    ลบ 
    หลักร้อย เป็นอันดับถัดมา โดยถอนลูกคิดตอนล่างลงจากขื่อ 3 ลูก (3)
    ลบ 
    หลักสิบ เป็นอันดับถัดมา โดยถอนลูกคิดตอนบนขึ้นจากขื่อ 1 ลูก (5)
    ลบ 
    หลักหน่วย เป็นอันดับสุดท้าย โดยถอนลูกคิดตอนบนขึ้นจากขื่อ 1 ลูก และให้ลูกคิดตอนล่างขึ้นไปติดขื่อ 4 ลูก (-5 +4 =1)อ่านค่าการคำนวณจากเม็ดลูกคิดที่ติดขื่อ จากภาพอ่านค่าได้เป็น 7,124 (เจ็ดพันหนึ่งร้อยยี่สิบสี่)
    7124

    การลบด้วยลูกคิดก็มีสูตรใช้เช่นเดียวกับการบวก สูตรการลบจะตรงกันข้ามกับสูตรการบวก สูตรใดที่เป็นการให้สูตรบวก จะเป็นการถอนในสูตรลบ

    นอกจาก ลูกคิด จะสามารถคำนวณการ บวก ลบ เลขได้แล้ว ยังสามารถคำนวณ การคูณ หาร ได้อีกด้วย หากจะ่อธิบายรายละเอียดในที่่นี้ คงไม่สะดวกนัก เพราะวิธีการจะค่อนข้างซับซ้อนมากขึ้น และในกรณีการหาร ควรจะสามารถท่องจำ "สูตรหาร" ให้แม่นยำเสียก่อน
      สูตรหาร
    สูตร 2
    2-1-5
    สูตร 3
    3-1-31    3-2-62
    สูตร 4
    4-1-22    4-2-5    4-3-72
    สูตร 5
    5-1-2    5-2-4    5-3-6    5-4-8
    สูตร 6
    6-1-14    6-2-32    6-3-5    6-4-64    6-5-82
    สูตร 7
    7-1-13    7-2-26    7-3-42    7-4-55    7-5-71    7-6-84
    สูตร 8
    8-1-12    8-2-24    8-3-36    8-4-5    8-5-62    8-6-74    8-7-86
    สูตร 9
    9-1-11    9-2-22    9-3-33    9-4-44    9-5-55    9-6-66    9-7-77    9-8-88
    สูตรพิเศษ
    1-1-91    2-2-92    3-3-93    4-4-94    5-5-95    6-6-96    7-7-97    8-8-98    9-9-99

    คำอธิบายการท่องสูตรหาร
    2-1-5 (ท่องว่า สอง - หนึ่ง - ห้า) ที่มาคือ 2 หาร 10 เท่ากับ 5
    3-1-31 (ท่องว่า สาม - หนึ่ง - สามหนึ่ง) ที่มาคือ 3 หาร 10 เท่ากับ 3 มีเศษ 1

    สำหรับวิธีการดีดนั้น ทีมงานฯ จะพยายามไปค้นคว้าหาตำรา เพื่อนำมาถ่ายทอดอีกครั้งนะคะ


    ชอบดีดมังกรคาบแก้ว มีคนเขาเปรียบคำพังเพยว่า "ซ้ายกอบโกยเงินทอง ขวารวบรวมทรัพย์สมบัติการใช้ลูกคิด ผู้ใหญ่เขาเปรียบคำพังเพยว่า "ให้คิดก่อนทำ อย่าประมาทใจร้อน"
    ที่มาข้อมูล http://www.lukkidthai.com/page_abacus.html

    12998
    30319
    ที่มาข้อมูล http://www.vcharkarn.com/vcafe/48239