งานบวชช้างหาดเสี้ยว วัดหาดเสี้ยว ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย วันที่ ๗ - ๘ เดือนเมษายน ๒๕๕๔




ด้วย ความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาของไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว จึงกำหนดการบรรพชา อุปสมบท กุลบุตรด้วยขบวนช้าง อันเป็นการแสดงถึงปริศนาธรรม ความเลื่อมใส และการแสดงออกซึ่งความรัก ความสามัคคี และความสนุกสนาน

ประเพณีแห่ช้างบวชนาค

ชาวตำบลหาดเสี้ยวที่นับถือศาสนาพุทธ มีความเชื่อในเรื่อง อานิสงค์ของการบวช ทั้งการบวชพระ และบวชเณร ดังนั้นครอบครัว ที่มีบุตรหลานเป็นชาย เมื่ออายุครบบวช ก็จะจัดการทำพิธีบวชให้

ผู้บวชที่จะบวชพระได้ ต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ส่วนเด็กที่จะบวชเณรนั้น บวชได้ตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป ผู้ชายหาดเสี้ยวคนใด ที่มีเหตุจำเป็น ไม่ได้บวชเมื่ออายุครบ หรือแต่งงานก่อนบวช พ่อแม่ก็ต้องพยายามหาโอกาส ให้บวชให้ได้ ในภายหลัง แต่เดิม จะนิยมจัดงานในวันแรม 3 ค่ำ เดือน 4 และบวชในวันแรม 4 ค่ำ เดือน 4

การบวชในปัจจุบัน มีรูปแบบการจัด 2 แบบ คือ

งานบวชธรรมดา ไม่จัดพิธีเอิกเกริก ส่วนใหญ่จะเป็นการบวชพระ ในช่วงก่อนเทศกาลเข้าพรรษา โดยการบอกกล่าว ญาติใกล้ชิด มาร่วมในการทำขวัญ และนำนาคไปวัด เพื่อทำพิธีบวช การบวชแบบนี้ มักจะบวชจนครบพรรษา

บวชหมู่ นิยมบวชกันในเดือนสี่ (ประมาณเดือนเมษายน) ซึ่งเป็นช่วงที่มีวันหยุดหลายวัน ระยะเวลาในการบวชจะมีตั้งแต่ 7 – 15 วัน จนถึงหนึ่งเดือน การบวชในลักษณะนี้ ถือเป็นงานประเพณีประจำปี ของท้องถิ่น นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เป็นต้นมา มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน ในการจัด โดยถือเอาวันที่ 7 เมษายน ของทุกปีเป็นวันงาน และชาวบ้านเรียกว่า “งานแห่ช้างบวชนาค”

ก่อนวันบวช จะมีกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง เป็นตัวแทนของแต่ละเจ้าภาพ ที่จัดงานบวช เดินไปบอกบุญ ตามบ้านใกล้เรือนเคียง เพื่อให้ไปร่วมงานกัน เรียกว่า “เถี่ยวบ๊าน”

งานบวชนี้ จะจัดงานรวมทั้งสิ้น 3 วัน คือ วันสุกดิบ เป็นวันเตรียมตัวของผู้บวช และเจ้าภาพ ในการจัดเตรียม ในเรื่องอาหารไว้เลี้ยงแขก ที่เชิญมาร่วมงาน รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องอัฐบริขาร ซึ่งเรียกว่า “เครื่องกองบวช”

วันที่สอง เป็นวันแห่นาค ในวันนี้จะทำพิธี โกนผมนาค อาบน้ำ แต่งตัวนาคจะสวมเสื้อสีสด บางคนใส่เสื้อกำมะหยี่สีเหลือง ที่สาบเสื้อ และปลายแขนประดับด้วยตีนจก นุ่งโจงกระเบนหลากสี เช่น สีเขียว แดง ม่วง ตกแต่งด้วยเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอทองคำ เข็มขัดนาค แหวน สวมเทริดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ไว้เหนือศีรษะ แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง และสวมแว่นตาดำ

ส่วนช้างที่นำมาร่วมขบวน เป็นพาหนะของนาค ก็จะถูกนำไปอาบน้ำที่แม่น้ำยม ตกแต่งด้วยผ้าลาดช้าง และผ้าคลุมหัวช้าง ที่ตกแต่งด้วยผ้าที่จก เป็นลวดลาย บนคอช้าง วางพาดด้วยฝ้ายใจขนาดใหญ่ สีขาว ซึ่งผ้าต่างๆเหล่านี้ ในสมัยก่อน จะทอกันเอง เตรียมไว้แต่เนิ่นๆ

การแห่นาคด้วยขบวนช้างนั้น จะจัดขึ้นในตอนบ่าย โดยที่นาคทุกคน จะมารวมตัวกัน ที่วัดหาดเสี้ยว ก่อนที่จะตั้งขบวนแห่ ไปตามถนนใตลาด และอ้อมผ่านถนนนอกชุมชน แล้วจึงย้ายไปตามบ้านของตน ในตอนค่ำจึงมีพิธีทำขวัญนาค

ตลอดงาน และในขบวนแห่ จะมีแตรวง หรือกลองยาวมาประโคมเฉลิมฉลอง รวมทั้งมีการเต้นรำ อย่างสนุกสนาน โดยแขกที่มาร่วมงานแต่ละบ้าน ซึ่งแต่เดิมในขบวนแห่ จะมีแต่ปี่แต๊ หรือปี่ชวา และกลองรำมะนาเท่านั้น ในตอนกลางคืน ของวันสุกดิบและวันแห่นาค มักจะมีการจ้างมหรสพ มาแสดงฉลองนาคที่บ้าน ของแต่ละคนด้วย

ในวันที่สาม ซึ่งเป็นวันบวชนั้น จะจัดพิธีธรรมดาเป็นการพานาคเดินไปวัดเพื่อทำพิธีขอบวชนาคเช่นเดียวกับการบวชทั่วไป เมื่อขอบวชเรียบร้อยแล้ว ก็ถือเป็นการเสร็จพิธี หลังจากบวชแล้วจะมีคำเรียกผู้ที่บวชเป็นพระว่า “เจ้าหัว”หรือ “หม่อม” เมื่อสึกออกไปแล้ว จะมีคำนำหน้าชื่อว่า “อ้ายทิด” ส่วนสามเณรนั้น จะมีคำนำหน้าเรียกว่า “จั่วอ๊าย” และเมื่อสึกออกไปแล้ว จะมีคำนำหน้าชื่อว่า “เซียง”

ปัจจุบัน ประเพณีนี้ได้กลายเป็น ประเพณีประจำปี ของอำเภอศรีสัชนาลัย ทางราชการ ได้เข้ามามีส่วนร่วม ในการให้การสนับสนุน ด้านงบประมาณจัดงาน ในแต่ละปี เฉลี่ยให้แก่บ้านที่จะจัดงานบวช รายละเท่าๆกัน เริ่มตั้งแต่ ประมาณปี 2529 เป็นต้นมา เป็นโยบาย เพื่ออนุรักษ์ประเพณีพื้นบ้าน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ของจังหวัดสุโขทัย

งานบวช จึงเป็นงานประเพณีงานหนึ่ง ที่มีผ้าชนิดต่างๆจำนวนมาก เช่นผ้าโจงกระเบน ผ้าห่อคัมภีร์ ผ้ากราบ ผ้ากั้ง ซึ่งผ้าเหล่านี้ แม่ของผู้บวช หรือคู่รัก จะเป็นผู้ทอเตรียมไว้ก่อน นอกจากนั้น ช้างที่ร่วมขบวน ก็ได้รับการประดับตกแต่ง ด้วยผ้าชนิดต่างๆ และสิ่งสำคัญก็คือ ฝ้ายใจขนาดใหญ่ สีขาว สีแดง ที่แสดงให้เห็นถึง ความสำคัญของฝ้าย ในชุมชน ตำบลหาดเสี้ยว ได้เป็นอย่างดี

ที่มาhttp://www.suntreethai.com/learning_tradition.php

ไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว เป็นชุมชนในหมู่บ้านหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีเนื้อที่ประมาณ 8,932 ไร่ หรือประมาณ 143 ตารางกิโลเมตร อาณาเขตติดต่อกับชุมชนอื่นโดยรอบ คือ

  • ทิศเหนือ จดตำบลป่างิ้ว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
  • ทิศใต้ จดตำบลหนองอ้อ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
  • ทิศตะวันออก จดตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
  • ทิศตะวันตก จดตำบลหนองอ้อ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

ความหมายของคำว่าหาดเสี้ยว เป็นการเรียกขานตามสภาพภูมิศาสตร์ ที่หมู่บ้านนี้ มีแม่น้ำยมไหลผ่านหาดกลางน้ำ ขนาดใหญ่ อันเป็นเหตุให้แยกลำน้ำออก เป็นสองสาย แล้วไหลบรรจบกัน ที่ปลายเสี้ยวของหาดทางทิศใต้ ประกอบกับที่กลางหาดมีต้นกาหลง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ต้นส้มเสี้ยว จึงนำเอาคำว่าหาด กับคำว่าเสี้ยว มาประสมกัน อีกความหมายหนึ่ง เล่ากันว่า แต่ก่อนหมู่บ้านนี้ไม่มีชื่อ จวบจนธิดาสาวเจ้าเมืองเชียงราย ได้เสด็จทางชลมารคลงเรือมาด ที่เมืองแพร่ ล่องมาตามลำน้ำยมเพื่อจะไปเยี่ยมพระสหาย ซึ่งเป็นพระธิดาเจ้าเมืองตาก บังเอิญเรือรั่วขณะผ่านมาทางย่านนี้ จึงแวะจอดซ่อมเรือ ถามคนแถวนี้ถึงชื่อบ้าน ไม่มีใครตอบได้ บังเอิญได้พบหัวหน้าหมู่บ้าน ที่มาช่วยเหลือ จึงได้ชี้แนะให้ เรียกบ้านหาดเชี่ยว ตามความไหลเชี่ยว ของน้ำยม ที่ไหลผ่านช่วงนั้น หัวหน้าหมู่บ้านได้ขยายความข้อนี้ จนกลายเป็น ชื่อเรียกติดปาก ตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งเมื่อสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระสังฆราชเสด็จหมู่บ้านนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2460 ได้ทรงโปรดให้ เปลี่ยนชื่อบ้านจาก หาดเชี่ยว เป็น หาดเสี้ยว และวัดประจำหมู่บ้าน ที่ชื่อวัดโพธิ์ไทร ก็ให้เรียกเป็น วัดหาดเสี้ยว เช่นเดียวกัน

ชุมชนหาดเสี้ยว สุโขทัย มีบรรพบุรุษเป็นชาวไทยพวน ที่อพยพมาจาก เมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวาง ในประเทศลาว เมื่อรัชกาลที่ 3 ประมาณ ปี พ.ศ. 2387 เป็นหนึ่งในจำนวนไทยพวน ที่อยู่ในประเทศไทย จำนวน 23 จังหวัด ชุมชนหาดเสี้ยว มี 5 เครือข่าย คือ บ้านหาดเสี้ยว บ้านหาดสูง บ้านใหม่ บ้านป่าไผ่ และบ้านแม่ราก การอพยพ ของบรรพบุรุษพวน บ้านหาดเสี้ยวครั้งนั้น กล่าวกันว่ามีทั้งฝ่ายฆารวาส และฝ่ายสงฆ์ ฝ่ายฆารวาสมีพี่น้องสามแสน คือ แสนจันทร์ แสนปัญญา และ แสนพล เป็นหัวหน้า ฝ่ายสงฆ์มี เจ้าหัวอ้าย สมเด็จวัดบ้านตาดเป็นหัวหน้า คาดว่าเดินทางเข้าประเทศไทยทางจังหวัดน่าน ผ่านจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ มุ่งสู่เมืองสวรรคโลก เลือกภูมิประเทศ บริเวณบ้านหาดเสี้ยว ลุ่มน้ำยมปลูกสร้างบ้านเรือน สร้างวัด และหาที่ดิน ประกอบอาชีพกสิกรรม ตอนนั้นเจ้าเมืองสวรรคโลก ได้แต่งตั้งแสนจันทร์เป็นผู้ปกครอ งดูแลราษฎรในท้องที่ เก็บภาษีอากร นำส่งรัฐบาลถึงกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางทางน้ำ ไปและกลับ เป็นเวลาเดือนเศษ เมื่อแสนจันทร์ถึงแก่กรรม เจ้าเมืองสวรรคโลก ได้แต่งตั้งบุตรชายคนโตของท่าน ชื่อทอง รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงศรีพิทักษ์ ปกครองต่อ จนเป็นต้นสายพันธุ์ สกุลหาดเสี้ยวในปัจจุบัน

วิถีชีวิตไทยพวนหาดเสี้ยว

ชาวไทยพวน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีอาชีพ ทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เวลาว่างจากการทำนา หญิงทอผ้า ชายตีเหล็ก ผู้เป็นช่างเงิน ช่างทอง ก็ทำเครื่องเงินเครื่องทอง
ที่มาhttp://www.suntreethai.com/learning_profilethaipuon.php





ประเพณี บวชช้างหรือที่เรียกว่า แห่ช้างอยู่เคียงคู่ผู้คนทีมีสายเลือดไทยพวนมานานแล้ว คือ การนำช้างมาร่วมในพิธีบรรพชาอุปสมบทมาจากคติความเชื่อทางพุทธศาสนาว่า พระ เวสสันดรให้ช้างปัจจัยนาเคนทร์อันเป็นช้างเผือกคู่บารมีที่ชาวเมืองเชตุดร ถือว่าเป็นมงคลหัตถีแก่พราหมณ์ทั้ง 8 จากแคว้นกลิงคราษฎร์ที่มาทูลขอเพื่อเป็นมงคลแก่บ้านเมืองที่ประสบทุพภิกขภัย
ความเชื่อนี้เกี่ยวข้องกับอีกตำนานหนึ่ง คือ ตอนที่พระเจ้ากรุงสัญชัย พระราชบิดาของพระเวสสันดรขอให้พระเวสสันดรกลับมาเป็นกษัตริย์ตามเดิมนั้น พระองค์ได้จัดขบวนช้างม้าและรถประดับประดาเหมือนออกศึกสงครามให้สมเกียรติ เพื่อไปรับพระเวสสันดรและพระนางมัทรีขบวนแห่ขับด้วยมโหรีและการละเล่นต่าง ๆ เป็นการเฉลิมฉลอง
ความเชื่ออีกประการหนึ่ง คือ คำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่มุ่งให้ผู้บวชถือปฏิบัติตนเพื่อไปสู่โลกอุดร หรือโลกุตรธรรม คือ ธรรมอันพ้นจากวิสัยของโลก ได้แก่ พระนิพพาน แต่คนทั่วไปเข้าใจว่า อุดร หมายถึงทิศเหนือ ซึ่งมีสัญลักษณ์ คือ ช้าง ชาวไทยพวนเรียกสัญลักษณ์ประจำทิศเหนือว่า "โงนงก" คือ ช้างและนำมาเป็นส่วนร่วมในขบวนแห่มาจนทุกวันนี้
ที่ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีการจัดงานบวชที่น่าสนใจมากโดยจัดพร้อมกันทั้งตำบล ก่อนบวชเจ้าภาพจะจัดให้นาคนั่งบนคอช้าง พร้อมด้วยญาติมิตรนำอัฐบริขาร ขี่บนหลังช้างแห่เป็นริ้วขบวนยิ่งใหญ่รอบหมู่บ้าน งานบวชพระแห่นาคด้วยขบวนช้างมักเรียกกันสั้น ๆ ว่า "งานบวชช้าง" แต่เดิมจัดวันแห่ในวันแรม 3 ค่ำ เดือน 4 และบวชในวันแรม 4 ค่ำ เดือน 4 ต่อมาตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ได้เปลี่ยนวันแห่เป็นวันที่ 7 เมษายนของทุกปี และวันบวชเป็นวันที่ 8 เมษายนของทุกปี ก่อนวันบวชหนึ่งวัน สตรีชาวไทยพวนจะชวนกันไปเที่ยวบ้าน คือ ไปบอกบุญหรือไหว้วานกันให้มาช่วยงานบวช วันที่สอง คือวันแห่นาค เจ้าภาพจะทำการ "แถ" หรือโกนผม โกนคิ้ว ผู้ที่จะบวชและตกแต่งตัวให้อย่างสวยงาม เครื่องแต่งกายของนาคประกอบด้วยผ้านุ่ง ผ้าม่วง ผ้าไหม สวมเสื้อกำมะหยี่หรือเครื่องนุ่งห่มที่แพรวพราว สวมเครื่องประดับต่าง ๆ เช่น เข็มขัดนาก เพชร พลอย อันมีความหมายถึงความหลงใหลในความงามของทรัพย์ภายนอกและพร้อมที่จะไปแสวงหา ทรัพย์ภายใน (อริยทรัพย์) และสวมแว่นดำ มีความหมายว่า ยังเป็นผู้มืด เพราะยังไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ศีรษะสวมเทริด หรือเรียกว่า กระโจม อันเป็นเครื่องทรงของพระอินทร์ และเป็นสัญลักษณ์หงอนนาค กระจกที่ติดสองข้างหูเพื่อไว้สำรวจตัวเอง ระลึกถึงความหลังพร้อมที่จะสละ ประนมมือด้วยแผ่นหรือแป้นวงกลมเรียกว่า "สักกัจจัง" แปลว่า เครื่องหมายแห่งความเคารพ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7-8 นิ้ว ด้ามเป็นรูปพญานาค ถือเครื่องประดับและเครื่องบูชาต่าง ๆ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียนเรียกว่า ขันธ์ 5 ร่มที่ใช้กางเป็นร่มใหญ่(สัปทน) มีหลายสี เรียกว่า "จ้อง" หรือ "คันญู"
ควาญช้างและญาติตลอดจนเพื่อน ๆ ของนาคจะแต่งตัวให้ช้างเช่นกัน โดยนำช้างลงไปอาบน้ำในแม่น้ำยม จัดแต่งผ้าคลุมหัวช้างพร้อมผ้าปูลาดบนหลังช้าง นำโซ่กระดึงหรือกระดิ่งคล้องคอหรือหลังให้ดังกรุ๋งกริ๋งตลอดทางที่ช้างเดิน ในขบวนแห่ นำแพรพรรณที่สวยงาม หรือด้ายขวัญขาวแดงผูกแต่งที่งาช้าง ตามตัวใช้ชอล์กเขียนคำขวัญ คติ คำคม ต่าง ๆ ตลอดจนคำหยอกล้อนาค หรือเจ้าภาพ
เมื่อแต่งตัวให้นาคและช้างเสร็จก็จัดริ้วขบวนให้นาคนั่งบนคอช้างประนมมือถือ
สักกัจจัง และขันธ์ 5 โดยมีคณะญาติและเพื่อน ๆ นั่งบนหลังช้าง และกางสัปทนให้นาค การจัดขบวนแห่นั้น เจ้าภาพจะนำหมวกสานหรืองอบพ่นสี เขียนชื่อนาค หรือคำหยอกล้อต่าง ๆ เป็นของชำร่วยให้แก่ผู้ที่ร่วมขบวนแห่เพื่อใช้กันแดด ตามด้วยขบวนแตรวง หรือกลองยาว ถือ เทียนเอก เทียนอนุศาสน์ กรวยอุปัชฌาย์ ผ้าไตร อัฐบริขาร และเครื่องไทยทาน เดินนำหน้าขบวนช้างจากบ้านงาน

ไป รวมกันที่วัดหาดเสี้ยวประมาณบ่ายโมง เมื่อไปถึงวัดแล้ว พ่อ แม่จะนำนาคลงจากหลังช้าง ถือขันธ์ 5 ไปสักการะเจ้าวัดที่ศาลพระภูมินาคจะถือแต่สักกัจจังนั่งบนคอช้างคอยคณะ กรรมการจัดขบวนตามลำดับชื่อเจ้าภาพเมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะให้นาคมารับศีลจาก พระภิกษุ ขบวนแห่นาคที่จัดอันดับไว้จะออกเดินทางจากวัดหาดเสี้ยวเป็นริ้วขบวนอันยาว เหยียด ผ่าน ตลาด หมู่บ้าน และออกไปวนรอบทุ่งนา รอบหมู่บ้านและแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อให้นาคและผู้ร่วมขบวนได้พักผ่อน เตรียมตัวเข้าพิธีทำขวัญนาคในตอนเย็นหรือตอนค่ำต่อไป
ปัจจุบันการจัดงานบวชช้างหาดเสี้ยวจะทำขวัญนาคเป็นพิธีใหญ่รวมกันในตอนบ่าย หลังจากขบวนแห่นาคมาครบ วันรุ่งขึ้นเป็นพิธีบวช หลังจากจัดเลี้ยงอาหารเช้าก็จัดขบวนแห่จากบ้านเป็นขบวนเดินเท้ามาที่วัด นาคจะแต่งกายชุดขาวเดินประนมมือถือสักกัจจัง และขันธ์ 5 มีการโปรยข้าวสารใส่ศีรษะซึ่งกันและกันของผู้ที่อยู่ในขบวนแห่ ทำให้เกิดความสนุกสนาน

กิจกรรม การบรรพชาอุปสมบท ขบวนบวชนาคแห่ด้วยช้างจำนวนมาก
สอบถามรายละเอียด
สำนักงานเทศบาลตำบลหาดเสี้ยว
โทร ๐ ๕๕๖๗ ๑๑๒๒

ที่มาhttp://www.info.ru.ac.th/province/sukhotai/ep1.htm
"ชาขาว" ยอดชาบริสุทธิ์เพื่อสุขภาพ White Tea
ชาขาว เป็น ชาที่ได้จากช่อใหม่ของต้นชาหรือยอดชาอ่อน และผ่านกระบวนการผลิตโดยใช้ความร้อนน้อยที่สุด จึงทำให้คุณค่าทางโภชนาการและศักยภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดเมื่อ เทียบกับชาชนิดอื่น ๆ
ประโยชน์ของชาขาว
ชา ขาวจะมีสารโพลีฟีนอน (Polyphenon) ที่เรียกว่า คาเทคชิน (Catechin) ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นแอนติออกซิเดนท์จะช่วยพัฒนากระบวนการ ป้องกัน สารพิษในร่างกายและยับยั้งอนุมูลอิสระที่มีปฏิกิริยาต่อต้านร่างกาย โดยในชาขาวมีโพลีฟีนอน (Polyphenon) มากกว่าชาเขียวถึงสามเท่า และสามารถป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมากกว่าชาเขียวถึงสิบเท่าซึ่ง คุณสมบัติพิเศษนี้ทำให้ชาขาวมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วย ขับของเสียจำพวกไขมันออกจากร่างกาย ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในช่องท้อง มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งผิวหนัง ชะลอความแก่ ช่วยรักษาระบบการป้องกัน ปกป้องผิวหนังจาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแสงแดด และป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวเกิดริ้วรอย
"เจียวกู่หลาน" หรือ "ปัญจขันธ์" Jiaogulan

เจียว กู่หลาน มีผลงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับจีน และได้มีการเปิดเผยการวิจัด้านการใช้ประโยชน์จากเจียวกู่หลานโดยนักวิจัยของ ญี่ปุ่นว่า เจียวกู่หลานมีสารสำคัญหลายชนิดทั้งกลุ่มสาร จินซีไนซค์ , กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาติบางชนิด ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีคุณสมบัติในด้านการรักษาและช่วยบรรเทาอาการบางอย่างอัน เกิดจากโรคทั่วๆ ไป
จากคุณสมบัติของเจียวกู่หลานที่ผ่านการวิจัยมานั้น สามารถกล่าวถึงคุณสมบัติโดยรวมของเจียวกู่หลานได้ คือ
• ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรคมะเร็วชนิดต่างๆ ได้
• เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
• ลดความดันโลหิต ลดไขมันหรือไคเลสเตอรอลในเลือดได้
• เพิ่มประสิทธิภาพของการเผาผลาญไขมันของร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
• ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ (ใช้ได้ผลกับการลดน้ำหนัก และลดการเกิดโรคที่เกิดจากไขมันและโคเลสเตอรอล)
เจียวกู่หลานกับเบาหวาน
จาก ที่กล่าวไว้ว่าในพืชสมุนไพรเจียวกู่หลานมีสารสำคัญ Gypenoide รวมทั้งกรดอะมิโนอีกหลายชนิดในปริมาณที่สูง ช่วยทำให้เซลล์ของตับอ่อนแข็งแรง สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินออกมาได้มากขึ้น ทำให้น้ำตาลสามารถถูกส่งไปเผาผลาญเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกายได้ดี ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติได้
อีกอย่างคือ ช่วยปรับสมดุลของร่างกายโดย เฉพาะความสมดุลของตับและตับอ่อน ทำให้มีการผลิตอินซูลินในปริมาณที่เหมาะสม และเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลแล้วก็จะตอบสนองต่ออินซูลินได้อย่างปกติ จึงสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยคุณสมบัติในการบำรุงตับของเจียวกู่ลานนี้จึงสามารถช่วยให้ตับผลิตอิน ซูลิขึ้นมาได้อย่างเหมาะสมต่อร่างกาย
ใบหม่อน Mulberry

ใบ หม่อนมีผลงานการวิจัยมากมาย และจากผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ไทย อังกฤษ โรมาเนีย และอินเดีย ได้ค้นพบว่าใบหม่อนมีสารดีอ็อกซิโนจิริมายซิน (Deoxynojirimycin) ซึ่งสารนี้มีผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือด มีสารกาบา (GABA – gamma amino butyric acid) ที่มีคุณสมบัติในการลดความดันโลหิต และสารฟายโตสเตอรอล (Phytosterol) ที่มีประสิทธิภาพในการลดความระดับคอเลสเตอรอล
นอก จากนี้นักวิทยาศาสตร์ชาวไทยและชาวญี่ปุ่นได้ค้นพบว่าใบหม่อนมี แร่ธาตุ และวิตามิน ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิเช่น แคลเซียม โปแตสเซียม โซเดียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี วิตามินเอ วิตามินบี อีกทั้งยังมี กรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกายครบทุกชนิด
ใบเตย Pandanus

ผล งานการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่า เตยหอมมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ขับปัสสาวะ ซึ่งฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่กล่าวไปทั้งหมดนั้นมาจากการทดลองในห้องทดลอง นอกจากนี้ได้มีการทำศึกษาวิจัย โดยนำน้ำต้มรากเตยหอมไปทดลองในสัตว์ทดลองเพื่อดูฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ปรากฏว่าสามารถลดน้ำตาลในเลือดของสัตว์ทดลองได้ จึงนับได้ว่าสมุนไพรเตยหอมเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าอีกชนิดหนึ่งสามารถนำมาทำ เป็นเครื่องดื่มรับประทานเองได้
ในส่วนของใบเตยสดเป็นยาบำรุงหัวใจ ให้ชุ่มชื่นช่วยลดอาการกระหายน้ำ รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ใช้รักษาเบาหวานประโยชน์ทางยา เตยหอมมีรสเย็นหอมหวาน บำรุงหัวใจให้ชุ่มชื้น โดยมากนิยมใช้น้ำใบเตยผสมอาหารคนไข้ทำให้เกิดกำลัง ลำต้นและราก ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้น้ำเบาพิการ และรักษาโรคเบาหวาน ใบ ช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น ลดกระหายน้ำ และอาจใช้ใบตำพอกรักษาโรคหัด โรคผิวหนัง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
• หนังสือ เจียวกู่หลาน สมุนไพรอมตะต้านมะเร็ง โดย ไกรภพ สาระกูล
• นิตยสารเบาหวาน ฉบับวันที่ 17 พ.ค - มิ.ย. 51
• ชาใบหม่อน เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพที่ยากจะปฎิเสธ โดย วิโรจน์ แก้วเรือง
ที่มาhttp://webboard.blogger.sanook.com/forum/3387786_%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99.html