ปั้นน้ำเป็นเงิน
เชษฐา ใจใส
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับกาแฟ
ผู้เขียนได้รับเกียรติให้ไปทำหน้าที่วิทยากรในวิชาเหล้าปั่นและสมูธตี้ในงานหนองคายกินดีอยู่ดีวันแรก ส่วนวันที่สองเป็นวิชากาแฟโบราณเชิงบูรณาการ ทั้ง 2 วันมีผู้ให้ความสนใจเข้ารับการอบรมแน่นตลอด
วัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในร้าน
การเรียนการสอนที่ต่างจังหวัดกับกรุงเทพฯ นั้นค่อนข้างจะคล้ายคลึงกัน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ วัตถุดิบที่เราจะนำไปสอนนั้น ถ้านำไปไม่ครบจะเป็นปัญหาอย่างยิ่ง แต่จังหวัดที่ผู้เขียนได้ไปมานั้น ค่อนข้างเจริญ มีครบทุกอย่างที่ต้องการ แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่ว่า ในสูตรกาแฟโบราณเชิงบูรณาการของผู้เขียนเน้นการใช้ผงกาแฟโบราณเป็นของตรางูเห่า สูตร 2 อันที่จริงแล้วกาแฟโบราณยี่ห้ออะไรต่างๆ ในตลาดนั้น มีกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน
ที่ผู้เขียนเจาะจงใช้กาแฟงูเห่า เพราะในย่านที่ผู้เขียนอยู่อาศัยนั้นจะหาซื้อง่ายเป็นพิเศษ ฉะนั้นแล้ว จึงเลือกใช้เป็นพิเศษ เพราะซื้อง่าย ไม่ใช่ว่ามีอะไรเหนือกว่าผงกาแฟของบริษัทอื่นหรอกครับ
ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็สามารถที่จะใช้ผงกาแฟที่มีอยู่ตามถิ่นของท่านได้เลย เพียงแต่ว่าเรานำมาผสมกับผงกาแฟสดคั่วขนาดกลางหรือมีเดียม เพื่อเสริมกลิ่นและรสชาติใหม่ ให้พ้นจากคำว่า ดักดาน เพราะร้านกาแฟบางร้านไม่เคยพัฒนากลิ่นกาแฟเลย ขายมันไปวันๆ ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของลูกค้า
ส่วนผงกาแฟสดหรือเมล็ดกาแฟสดนั้น ที่ผู้เขียนแนะนำให้ใช้ยี่ห้อตุงฮูเป็นเพราะว่า เป็นยี่ห้อเก่าแก่ ลูกค้าเชื่อถือ แต่หาซื้อยากมาก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของผู้ประกอบการเหมือนกัน ที่จะหาซื้อผงกาแฟสดยี่ห้อตุงฮูได้
ดังนั้น ถ้าอยู่กรุงเทพฯ ให้ไปซื้อได้แถววัดแขก สีลม เพราะบริษัทตุงฮูอยู่แถวสีลม แต่ถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด ผู้เขียนมีร้านหนึ่งที่จะแนะนำก็คือ ที่ เจ.เจ. มอลล์ จตุจักรตลาดนัดติดแอร์ ชั้นใต้ดิน ชื่อร้าน ซิก บิลเลี่ยน บริหารโดย พี่นิทัศน์ หนุ่มใหญ่ใจดี
ทางร้านมีเมล็ดพันธุ์กาแฟชั้นดีที่ผู้เขียนเลือกใช้ผสมลงในกาแฟสูตรบูรณาการของผู้เขียน นั่นก็คือ ยี่ห้อ ดี ดับเบิ้ล ชอท คือเมล็ดพันธุ์กาแฟที่ผ่านกระบวนการผสมระหว่างกาแฟเหนือและกาแฟใต้มาโดยเฉพาะ เป็นสูตรลับของดี ดับเบิ้ล ชอท เป็นเมล็ดพันธุ์กาแฟที่คั่วมาเป็นขนาดกลาง (มีเดียม) และเป็นกาแฟที่ผู้เขียนเลือกใช้ในกาแฟโบราณเชิงบูรณาการและร้านกาแฟสดของผู้เขียนมาโดยตลอด โดยผู้เขียนจะใช้เป็นเมล็ดกาแฟสดที่คั่วใหม่ๆ นำมาผสมกับผงกาแฟโบราณที่หาได้ตามท้องตลาดไม่เจาะจงยี่ห้อใด แต่ผู้อ่านต้องพยายามคัดสรรผงกาแฟให้มันได้คุณภาพหน่อยก็แล้วกัน ใครอยู่ต่างจังหวัดไหนก็สามารถนำกาแฟโบราณของท้องถิ่นของผู้อ่านมาผสมกับผงกาแฟสดของดี ดับเบิ้ล ชอท ได้ทุกยี่ห้อครับ
อ้อ! ลืมบอกไปอีกอย่างคือ ปัญหาของคนขายกาแฟสดคือ เครื่องชงกาแฟสดที่มักจะเสีย แต่หาที่ซ่อมไม่ค่อยได้ มาที่นี่เลยครับ ที่ร้านมีบริการรับซ่อมเครื่องชงกาแฟสดทุกชนิด พร้อมทั้งมีเครื่องชงกาแฟสดหลายยี่ห้อ ทั้งของยุโรปและเอเชีย เชิญมาเลือกชมได้เลยครับ หรือผู้อ่านท่านใดไม่สะดวกที่จะมาซื้อเมล็ดกาแฟสดหรือสินค้าต่างๆ ที่ร้านได้ ทางร้านยังมีบริการรับฝากส่งสินค้าทางไปรษณีย์ให้ด้วย เพื่อความสะดวกของลูกค้า สนใจสั่งซื้อเมล็ดกาแฟสดทางไปรษณีย์ สามารถโทรศัพท์สั่งได้ที่ คุณนิทัศน์ (081) 376-3694 รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
ลืมบอกไปอีกอย่าง ถ้าใครยังไม่มีที่บดกาแฟ อย่าลืมสั่งให้ทางร้านบดให้ด้วยนะครับ
เมื่อพูดถึงเรื่องกาแฟสดแล้ว เรามาหาความรู้ต่อกันเลยดีกว่าครับ
กาแฟในประเทศไทย
กาแฟไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ ดังนี้
สายพันธุ์โรบัสต้า มีปลูกอยู่ทางภาคใต้ของไทย ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ นครศรีธรรมราช โรบัสต้า สามารถปลูกง่าย ดูแลง่าย กาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า เป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สายพันธุ์โรบัสต้า มีความเด่นในเรื่อง Body ที่สูง ไม่ค่อยมีกลิ่นและรสชาติ ทนทานต่อโรคได้ดี นิยมใช้ในการผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป เพราะสามารถแต่งกลิ่นและรสได้
สายพันธุ์อาราบิก้า มีปลูกมากทางภาคเหนือของประเทศ มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ระดับ 800-1,600 เมตร จังหวัดที่มีการปลูกสายพันธุ์อาราบิก้า เช่น เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ตาก อาราบิก้า เม็ดสุกช้ารสดี อาราบิก้ามีความเด่นเรื่องกลิ่นหอม มี Aroma มี Acidity ที่สามารถสร้างรสชาติบนลิ้นเป็นที่ชื่นชอบระดับสากล สายพันธุ์อาราบิก้าในเมืองไทย เป็นสายพันธุ์คาติมอร์ มีความโดดเด่น เรื่อง Aroma แรง มี Acidity มีความเปรี้ยวค่อนข้างมาก ให้ความหวานปานกลาง Body ค่อนข้างต่ำ มีความเค็มเล็กน้อย
ลักษณะที่ไม่เป็นที่ต้องการในกลิ่นกาแฟ
Bitter รสขม ที่สัมผัสได้ด้วยโคนลิ้น มักพบในกาแฟที่คั่วไหม้เข้มเกินไป
Bland กาแฟที่ไม่มีรสชาติ
Carbony กลิ่นแบบถ่าน กลิ่นไหม้ที่มีมากเกินไป
Dead ความหมายเหมือน Flat
Dirty กาแฟเหม็นสาบ เหมือนกินของสกปรก
Earthy มีความหมายเหมือน Dirty
Flat ไม่มีทั้ง Acidity, Aroma และ Aftertaste
Grassy กลิ่นเหมือนฟางตัดใหม่
Harsh รสชาติบาดคอ
Muddy รสชาติที่กระด้าง
Musty กลิ่นเหม็นสาบ เหม็นอับ (ไม่ได้เป็นข้อด้อยเสมอไปในกาแฟที่บ่มมาอย่างดี)
Rioy ลักษณะเนื้อสัมผัสเหมือนแป้ง คล้ายกับน้ำต้มเส้น Pasta
Rough ความรู้สึกบนลิ้นที่ทำให้นึกถึงการกินเกลือ
Rubbery กลิ่นกาแฟเหมือนยางไหม้
Soft ความหมายเหมือนคำว่า Bland
Sour กลิ่นรสฝาด เหมือนกับผลไม้ที่ยังไม่สุก
Thin กาแฟที่ขาด Acidity พบในกาแฟที่ชง under extract หรือบดหยาบเกินไป
Turpeny กลิ่นเหมือนน้ำมันสน
Watery กาแฟที่ขาด Body หรือ ความหนืด
ส่วนลักษณะเด่นที่ต้องการในกลิ่นรสของกาแฟ ผู้เขียนจะนำเสนอในปักษ์หน้าดีกว่าครับ ทีนี้เรามาดูสูตรการปั่นกาแฟสดแบบอร่อยกันครับ
การปั่นกาแฟสด (Frappe)
เอสเปรสโซ่ปั่น (ICE ESPRESSO FRAPPE)
ส่วนผสม
นมข้นหวาน 40 ซีซี
นมข้นจืด 40 ซีซี
ผงเฟรปเป้ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำกาแฟ ESPRESSO 60 ซีซี
น้ำแข็ง 16 ออนซ์
Syrup Caramel 3 ซีซี
Syrup Hazelnut 3 ซีซี
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในโถปั่น ปั่นให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว 16 ออนซ์ แต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีม โรยหน้าด้วยท็อปปิ้งซอสคาราเมล พร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า
คาปูชิโน่ปั่น (ICE CAPPUCCINO FRAPPE)
ส่วนผสม
นมข้นหวาน 35 ซีซี
นมข้นจืด 35 ซีซี
นมสด 35 ซีซี
ผงเฟรปเป้ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำกาแฟ ESPRESSO 50 ซีซี
Syrup Vanilla 5 ซีซี
Syrup Almond 5 ซีซี
น้ำแข็ง 16 ออนซ์
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในโถปั่น ปั่นให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว 16 ออนซ์ แต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีม โรยหน้าด้วยผง Almond พร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า
มอคค่าปั่น (ICE MOCHA FRAPPE)
ส่วนผสม
ซอสช็อกโกแลต 25 ซีซี
นมข้นหวาน 35 ซีซี
นมข้นจืด 35 ซีซี
Syrup Caramel 5 ซีซี
Syrup White Chocolate 5 ซีซี
น้ำกาแฟ ESPRESSO 60 ซีซี
น้ำแข็ง 16 ออนซ์
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในโถปั่น ปั่นให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว 16 ออนซ์ แต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีม ราดด้วยซอสท็อปปิ้งช็อกโกแลต พร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า
ลาเต้ปั่น (ICE LATTE FRAPPE)
ส่วนผสม
นมข้นหวาน 40 ซีซี
นมข้นจืด 45 ซีซี
ผงเฟรปเป้ 1 ช้อนโต๊ะ
Syrup Caramel 5 ซีซี
Syrup Almond 5 ซีซี
น้ำกาแฟ ESPRESSO 60 ซีซี
น้ำแข็ง 16 ออนซ์
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในโถปั่น ปั่นให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว 16 ออนซ์ แต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีม ราดด้วยท็อปปิ้งคาราเมล พร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า
อเมริกาโน่ปั่น (ICE AMERICANO FRAPPE)
ส่วนผสม
น้ำเชื่อม 60 ซีซี
น้ำกาแฟ ESPRESSO 60 ซีซี
Syrup Hazelnut 5 ซีซี
น้ำแข็ง 16 ออนซ์
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในโถปั่น ปั่นให้ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว 16 ออนซ์ พร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า
ผงเฟรปเป้ก็คือ การนำเอาครีมเทียม 1 ส่วน ผสมกับหัวนมผงอีก 1 ส่วน นั่นเองครับ
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07066010153&srcday=2010-01-01&search=no
ก้าวแรกเศรษฐี
ดวงกมล
"ช่างกุญแจ" ลงทุนครั้งเดียว ทำเงินได้ตลอด
"สำหรับโอกาสที่นักทำกุญแจจะสร้างรายได้ อาจารย์เกริก ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน ความต้องการใช้กุญแจของลูกค้า แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ลืม หาย ทำซ้ำ และทำใหม่ ส่วนตัวเชื่อว่า 4 ประเภทที่กล่าวมา ยังมีความถี่อยู่มาก ฉะนั้น ขอเพียงหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ เชื่อว่ายังมีโอกาสทำเงินอีกมาก"
"กุญแจ" เครื่องมือที่คนทั่วไปรู้จักในฐานะใช้เก็บรักษาทรัพย์สินมีค่า นิยมใช้กันมาตั้งแต่อดีตกาล จวบจนปัจจุบันมีการพัฒนากลไกออกมาหลากหลายรูปแบบ อาทิ กุญแจเขี้ยวกลม คล้ายลูกปืน กุญแจเขี้ยวแบนเป็นแผ่น เช่น กุญแจรถจักรยานยนต์ รถยนต์ทั่วไป และกุญแจตู้เซฟต่างๆ
เมื่อกุญแจ ถูกหลายคนให้การยอมรับเรื่องรักษาความปลอดภัย โอกาสสร้างรายได้ของผู้ประกอบการก็ตามมา นับตั้งแต่ ทำกุญแจสำรอง ปั๊มกุญแจใหม่กรณีสูญหาย ฉะนั้น อาชีพทำกุญแจจึงน่าสนใจ ก้าวแรกเศรษฐีฉบับนี้ เลยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดร้านกุญแจ พร้อมกับแนะนำสถานที่ซื้อวัสดุ อุปกรณ์ โดยผู้ที่มาให้รายละเอียดคือ อาจารย์เกริก กาศเจริญ วิทยากรสอนวิชาช่างกุญแจและการเปิดร้าน อยู่ที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน
หลายรูปแบบให้เลือกลงทุน
ฝีมือดี ไม่นานคืนทุน
ปัจจุบัน อาจารย์เกริกเป็นเจ้าของร้านทำกุญแจ ชื่อร้าน ก. กุญแจทอง ตั้งอยู่เลขที่ 238/6 ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง จุดเด่นของร้านนี้คือ นอกจากเรียกใช้ได้ที่หน้าร้าน ยังมีบริการลูกค้าถึงที่หมายตลอด 24 ชั่วโมง
ก่อนก้าวเข้าสู่อาชีพนี้ อาจารย์เกริก บอกว่า ในสมัยก่อนไม่มีสถาบันไหนสอนวิชาทำกุญแจ ทั้งหมดเกิดจากการเรียนรู้ แบบครูพักลักจำ ประกอบกับรู้จักช่างกุญแจคนหนึ่ง เลยได้เข้าไปสังเกตขั้นตอนการทำงานทั้งหมดเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม "ผมสนใจอาชีพทำกุญแจ เพราะโอกาสทำเงินสูง แถมเป็นงานที่ท้าทาย ไม่มีจบสิ้น ไม่เหนื่อย ที่สำคัญ ลงทุนไม่มาก"
ย้อนไป 10 กว่าปีที่แล้ว จำนวนเงินลงทุนที่อาจารย์เกริกใช้ประมาณ 16,000-17,000 บาท เป็นค่าเครื่องปั๊มกุญแจมือสอง หุ่นกุญแจ และอุปกรณ์ภายในร้าน เวลาเพียง 2-3 เดือนก็สามารถคืนทุนได้แล้ว "ผมลงทุนซื้อเครื่องปั๊มกุญแจมือสอง ราคา 10,000 บาท เครื่องมือช่าง และหุ่นกุญแจ จำนวนหนึ่ง เบ็ดเสร็จประมาณ 16,000-17,000 บาท เปิดได้ 2-3 เดือนคืนทุน เนื่องจากมีรายได้เฉลี่ยวันละ 500-700 บาท"
เพื่อง่ายต่อการรับรู้ สำหรับผู้ที่สนใจ อาจารย์เกริก แจกแจงว่า การเปิดร้านแล้วแต่ขนาดที่เจ้าของต้องการ ถ้าไซซ์เล็กเริ่มต้นที่ 25,000 บาท ลำดับถัดมา ไซซ์กลาง 40,000 บาท และชุดใหญ่ 120,000 บาท ซึ่งอุปกรณ์ที่ได้เหมือนกันหลักๆ คือ เครื่องทำกุญแจ ส่วนเครื่องมือช่างและหุ่นกุญแจสำรองจะลดลงตามขนาด
"เครื่องปั๊มกุญแจมีตั้งแต่ราคา 12,000-80,000 บาท ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและคุณภาพ หุ่นกุญแจ หรือลูกกุญแจสำหรับก๊อบปี้ ลูกละ 10 บาท เครื่องมือซึ่งชุดช่างกุญแจพื้นฐานจะประกอบไปด้วย ตะไบแบนนิโคสัน ตะไบหางหนู คีมล็อค ปากกาจับงาน ค้อนช่างทอง ไฟฉาย คีมปากเป็ด คีมปากยาว คีมปากจิ้งจก ไขควงปากแบน สว่านมือ สว่านไฟฟ้า เป็นต้น"
ลักษณะงานที่ช่างกุญแจจะพบ และต้องทำให้ได้นั้นคือ การทำกุญแจสำรองโดยใช้เครื่องอัตโนมัติและใช้ตะไบเจีย อาทิ กุญแจบ้าน กุญแจรถมอเตอร์ไซค์ กุญแจรถยนต์ กุญแจตู้เอกสาร รวมถึงสร้างลูกกุญแจใหม่ ในกรณีกุญแจหาย หรือชำรุด
สำหรับรูปแบบร้าน ภาพที่เห็นกันชินตาคือ หน้าร้านช่างกุญแจจะมีตู้ 1 ใบ ไว้เก็บเครื่องมือ โต๊ะ 1 ตัว และเครื่องทำกุญแจ ตรงนี้อาจารย์เกริก อธิบายต่อว่า ร้านกุญแจใช้พื้นที่ตั้งแต่ 1.20 เมตรขึ้นไป สามารถเช่าหน้าร้านสะดวกซื้อ หรือเปิดบริเวณบ้านพักอาศัย ซึ่งข้อดีของการใช้พื้นที่ไม่มากคือ เคลื่อนย้ายได้สะดวก ไม่เป็นภาระ และไม่สิ้นเปลือง
กำไรเกินครึ่ง
สินค้ายังเป็นที่ต้องการ
สำหรับโอกาสที่นักทำกุญแจจะสร้างรายได้ อาจารย์เกริก ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน ความต้องการใช้กุญแจของลูกค้า แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ลืม หาย ทำซ้ำ และทำใหม่ ส่วนตัวเชื่อว่า 4 ประเภทที่กล่าวมา ยังมีความถี่อยู่มาก ฉะนั้น ขอเพียงหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ เชื่อว่ายังมีโอกาสทำเงินอีกมาก
ทราบรายละเอียดการลงทุนไปพอสมควร อาจารย์เกริก แนะนำทำเลการเปิดร้านว่า ควรอยู่ในย่านหมู่บ้านจัดสรร หอพัก ห้องเช่า บริษัทไฟแนนซ์รถยนต์-รถจักรยานยนต์ หน้าร้านสะดวกซื้อ ย่านชุมชน ใต้คอนโดมิเนียม สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทุกสถานที่ที่กล่าวมา ควรเลี่ยงเปิดในที่มีคนเปิดอยู่แล้ว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการตัดราคา และไม่แข่งขันจนเกินไป
สำหรับด้านค่าแรงที่ผู้ประกอบอาชีพนี้จะได้รับ ฐานะเจ้าของร้าน แจกแจงว่า ส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะใช้วิธีคิดค่าบริการตามลักษณะงาน ค่าอุปกรณ์ ค่าแรง ค่าเช่าสถานที่ ค่าเสียเวลา เบ็ดเสร็จแต่ละชิ้นงาน จะมีกำไร 60 เปอร์เซ็นต์ และจากประสบการณ์สอนที่ผ่านมา ลูกศิษย์ที่ไปเปิดร้านส่วนใหญ่มีรายรับวันละประมาณ 700-1,000 บาท "ลูกค้าที่มาใช้บริการล้วนต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้น นอกจากขายฝีมือ เจ้าของร้านที่ดีควรสร้างความประทับใจ โดยกล่าวทักทาย ให้ความเป็นกันเอง ที่สำคัญ กำหนดราคาให้เป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง"
สำหรับแหล่งซื้อวัสดุ อาทิ หุ่นกุญแจ อาจารย์เกริก บอกว่า หลังจากที่เปิดร้านได้ไม่นาน จะมีตัวแทนจากร้านขายวัสดุเหล่านี้เข้ามาติดต่อนำแค็ตตาล็อกมาให้เลือก สามารถโทรศัพท์สั่งสินค้า และส่งกันทางไปรษณีย์กันได้เลย
ข้อมูลที่กล่าวมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิชาชีพรับทำกุญแจ ซึ่งข้อดี ที่สังเกตได้ง่ายคือ เป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่สร้างรายได้ระยะยาว ใช้แรงงานน้อย เน้นขายฝีมือ ดังนั้น จึงมีคู่แข่งน้อยราย หากใครสนใจอยากเรียนการทำกุญแจ กับอาจารย์เกริก จะได้รับความรู้และเทคนิคอีกมากมาย สนใจติดต่อที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน หรือโทรศัพท์สอบถามรายละเอียด ได้ที่ (02) 589-2222, (02) 589-0492 และ (02) 954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102 และ 2103
การเก็บรักษาเครื่องมือ
อย่าใช้มือจับบริเวณฟันของตะไบ เพราะเหงื่อ จะทำให้เป็นสนิมได้ง่าย
แหล่งซื้อวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องปั๊มกุญแจ ลูกกุญแจ เครื่องมือ
1. ย่านคลองถม
2. เวิ้งนาครเขษม
3. ย่านวรจักร
4. บริเวณสี่แยกท่าพระ
5. บริเวณสี่แยกวัดตึก
6. ร้านขวัญชัยแอนด์เติม ที่อยู่ 573-5 คลองถม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02) 224-3611, (02) 222-0706, (02) 224-3526
7. ร้านอุตสาหกรรมผลเลิศ อยู่แถวสี่แยกท่าพระ โทรศัพท์ (02) 457-1252, (02) 457-2472
8. ร้านแต๊กช่างอุตสาหกรรม อยู่แถวเวิ้งนาครเขษม
9. ร้านสยามอินเตอร์ล็อก อยู่ถนนจันทน์ เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
10. บริษัท สยามอินเตอร์ล็อคเทค จำกัด ที่อยู่ 1/8, 1/138 หมู่ 2 นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร พระราม 2 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
11. บจก. วี ที ซี เอ็นเตอร์ไพร์ส จัดจำหน่ายกุญแจ ที่อยู่ 65/126-8 อาคารชำนาญเพ็ญชาติ ชั้น 15 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เว็บไซต์ www.vtc.co.th โทรศัพท์ (02) 245-4834-5, (02) 248-4550-1, (02) 248-3839
12. บจก. โซเลค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ผู้ผลิตอุปกรณ์งานกุญแจ ที่อยู่ 919/406 ชั้น 32 อาคารเจลเวอร์รี่ เทรด เซ็นเตอร์ ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ เว็บไซต์ www.solexlock.com โทรศัพท์ (02) 630-2225-9
13. บจก. เอ็ม แอล ไอ อินดัสเตรียล ผู้ผลิตและจำหน่ายลูกกุญแจ ที่อยู่ 16/85 บางขุนเทียน-ชายทะเล ท่าข้าม บางขุนเทียน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 897-3070, (02) 897-3079
14. บจก. พรีซิชั่น แมนูแฟคเจอริ่ง ที่อยู่ 65 หมู่ 16 นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เว็บไซต์ www.pmc-th.com โทรศัพท์ (035) 258-339
15. บจก. สกุลไทย จำหน่ายอุปกรณ์กุญแจ ที่อยู่ 620 ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เว็บไซต์ www.skulthai.co.th โทรศัพท์ (02) 881-7151-60, (02) 433-0100-7, (02) 433-0108
16. บจก. ไอ. ซี. โอ. อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต ขายส่งลูกกุญแจ ที่อยู่ 5680 ซอยลาดพร้าว 101 คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ เว็บไซต์ www.iseothai.com โทรศัพท์ (02) 948-4458, (02) 946-8004
17. Locksmith Co.,Ltd. ขายปลีก-ส่งกุญแจ ที่อยู่ 380/93 หมู่ 10 ถนนเทพประสิทธิ ซอย 8 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เว็บไซต์ www.locksmith.co.th โทรศัพท์ (038) 301-025, (038) 300-936, (038) 301-026
18. บจก. ฮาคอน การ์เด้นโฮมช้อปปิ้งพลาซ่า จำหน่ายเครื่องทำกุญแจ ที่อยู่ 1/794 ซอยพหลโยธิน 60 ถนนพหลโยธิน ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 เว็บไซต์ www.hakon.net โทรศัพท์ (02) 993-8051-9, (02) 993-8050
19. บจก. เค ไอ ที เทรดดิ้ง ที่อยู่ 156 ซอยอ่อนนุช 40 ถนนสุขุมวิท สวนหลวง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 332-0749-50, (02) 332-5314
20. บจก. พัฒนสินแมชชินเนอรี่ จำหน่ายเครื่องมือทุกชนิด ที่อยู่ 68 ซอยเจริญกรุง 11 ถนนเจริญกรุง บ้านบาตร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 225-5449, (02) 225-2707
21. มิตรเจริญการช่าง จำหน่ายอุปกรณ์งานกุญแจ ที่อยู่ 449 ซอยประดู่ 1 ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 289-0547
22. ร้าน รุ่งดี ผลิตอุปกรณ์งานกุญแจ ที่อยู่ 1607/17-8 ซอยตลาดพูนทรัพย์ ริมทางรถไฟ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-5129
23. ร้านโป๋วการช่าง ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ หน้าต่าง ประตู งานกุญแจ ที่อยู่ 111/13 ซอยมังกร ไมตรีจิต กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-7213
24. บจก. สกุลไทย ผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์กุญแจ และโช้กอัพ ที่อยู่ 620 ถนนบรมราชชนนี บางบำหรุ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 881-7151-60, (02) 433-0108
25. หจก. ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์งานกุญแจ ที่อยู่ 185/13 ซอยวัดบรมนิวาส พระราม 1 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 215-5518, (02) 215-5518
26. หจก. อุดมกิจรุ่งโรจน์ ขายปลีกเครื่องมือ น็อต กุญแจ ที่อยู่ 4065/5-6 ถนนพระราม 4 คลองตัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 391-7383, (02) 390-0573
27. หจก. เอ็น วี ไฮ-เทค เอ็นจิเนียริ่ง จำหน่าย และผลิตกุญแจ Access Control System ที่อยู่ 1091/57 ซอย 31 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มักกะสัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 651-6954
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07033150353&srcday=2010-03-15&search=no
ดวงกมล
"ช่างกุญแจ" ลงทุนครั้งเดียว ทำเงินได้ตลอด
"สำหรับโอกาสที่นักทำกุญแจจะสร้างรายได้ อาจารย์เกริก ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน ความต้องการใช้กุญแจของลูกค้า แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ลืม หาย ทำซ้ำ และทำใหม่ ส่วนตัวเชื่อว่า 4 ประเภทที่กล่าวมา ยังมีความถี่อยู่มาก ฉะนั้น ขอเพียงหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ เชื่อว่ายังมีโอกาสทำเงินอีกมาก"
"กุญแจ" เครื่องมือที่คนทั่วไปรู้จักในฐานะใช้เก็บรักษาทรัพย์สินมีค่า นิยมใช้กันมาตั้งแต่อดีตกาล จวบจนปัจจุบันมีการพัฒนากลไกออกมาหลากหลายรูปแบบ อาทิ กุญแจเขี้ยวกลม คล้ายลูกปืน กุญแจเขี้ยวแบนเป็นแผ่น เช่น กุญแจรถจักรยานยนต์ รถยนต์ทั่วไป และกุญแจตู้เซฟต่างๆ
เมื่อกุญแจ ถูกหลายคนให้การยอมรับเรื่องรักษาความปลอดภัย โอกาสสร้างรายได้ของผู้ประกอบการก็ตามมา นับตั้งแต่ ทำกุญแจสำรอง ปั๊มกุญแจใหม่กรณีสูญหาย ฉะนั้น อาชีพทำกุญแจจึงน่าสนใจ ก้าวแรกเศรษฐีฉบับนี้ เลยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดร้านกุญแจ พร้อมกับแนะนำสถานที่ซื้อวัสดุ อุปกรณ์ โดยผู้ที่มาให้รายละเอียดคือ อาจารย์เกริก กาศเจริญ วิทยากรสอนวิชาช่างกุญแจและการเปิดร้าน อยู่ที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน
หลายรูปแบบให้เลือกลงทุน
ฝีมือดี ไม่นานคืนทุน
ปัจจุบัน อาจารย์เกริกเป็นเจ้าของร้านทำกุญแจ ชื่อร้าน ก. กุญแจทอง ตั้งอยู่เลขที่ 238/6 ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง จุดเด่นของร้านนี้คือ นอกจากเรียกใช้ได้ที่หน้าร้าน ยังมีบริการลูกค้าถึงที่หมายตลอด 24 ชั่วโมง
ก่อนก้าวเข้าสู่อาชีพนี้ อาจารย์เกริก บอกว่า ในสมัยก่อนไม่มีสถาบันไหนสอนวิชาทำกุญแจ ทั้งหมดเกิดจากการเรียนรู้ แบบครูพักลักจำ ประกอบกับรู้จักช่างกุญแจคนหนึ่ง เลยได้เข้าไปสังเกตขั้นตอนการทำงานทั้งหมดเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม "ผมสนใจอาชีพทำกุญแจ เพราะโอกาสทำเงินสูง แถมเป็นงานที่ท้าทาย ไม่มีจบสิ้น ไม่เหนื่อย ที่สำคัญ ลงทุนไม่มาก"
ย้อนไป 10 กว่าปีที่แล้ว จำนวนเงินลงทุนที่อาจารย์เกริกใช้ประมาณ 16,000-17,000 บาท เป็นค่าเครื่องปั๊มกุญแจมือสอง หุ่นกุญแจ และอุปกรณ์ภายในร้าน เวลาเพียง 2-3 เดือนก็สามารถคืนทุนได้แล้ว "ผมลงทุนซื้อเครื่องปั๊มกุญแจมือสอง ราคา 10,000 บาท เครื่องมือช่าง และหุ่นกุญแจ จำนวนหนึ่ง เบ็ดเสร็จประมาณ 16,000-17,000 บาท เปิดได้ 2-3 เดือนคืนทุน เนื่องจากมีรายได้เฉลี่ยวันละ 500-700 บาท"
เพื่อง่ายต่อการรับรู้ สำหรับผู้ที่สนใจ อาจารย์เกริก แจกแจงว่า การเปิดร้านแล้วแต่ขนาดที่เจ้าของต้องการ ถ้าไซซ์เล็กเริ่มต้นที่ 25,000 บาท ลำดับถัดมา ไซซ์กลาง 40,000 บาท และชุดใหญ่ 120,000 บาท ซึ่งอุปกรณ์ที่ได้เหมือนกันหลักๆ คือ เครื่องทำกุญแจ ส่วนเครื่องมือช่างและหุ่นกุญแจสำรองจะลดลงตามขนาด
"เครื่องปั๊มกุญแจมีตั้งแต่ราคา 12,000-80,000 บาท ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและคุณภาพ หุ่นกุญแจ หรือลูกกุญแจสำหรับก๊อบปี้ ลูกละ 10 บาท เครื่องมือซึ่งชุดช่างกุญแจพื้นฐานจะประกอบไปด้วย ตะไบแบนนิโคสัน ตะไบหางหนู คีมล็อค ปากกาจับงาน ค้อนช่างทอง ไฟฉาย คีมปากเป็ด คีมปากยาว คีมปากจิ้งจก ไขควงปากแบน สว่านมือ สว่านไฟฟ้า เป็นต้น"
ลักษณะงานที่ช่างกุญแจจะพบ และต้องทำให้ได้นั้นคือ การทำกุญแจสำรองโดยใช้เครื่องอัตโนมัติและใช้ตะไบเจีย อาทิ กุญแจบ้าน กุญแจรถมอเตอร์ไซค์ กุญแจรถยนต์ กุญแจตู้เอกสาร รวมถึงสร้างลูกกุญแจใหม่ ในกรณีกุญแจหาย หรือชำรุด
สำหรับรูปแบบร้าน ภาพที่เห็นกันชินตาคือ หน้าร้านช่างกุญแจจะมีตู้ 1 ใบ ไว้เก็บเครื่องมือ โต๊ะ 1 ตัว และเครื่องทำกุญแจ ตรงนี้อาจารย์เกริก อธิบายต่อว่า ร้านกุญแจใช้พื้นที่ตั้งแต่ 1.20 เมตรขึ้นไป สามารถเช่าหน้าร้านสะดวกซื้อ หรือเปิดบริเวณบ้านพักอาศัย ซึ่งข้อดีของการใช้พื้นที่ไม่มากคือ เคลื่อนย้ายได้สะดวก ไม่เป็นภาระ และไม่สิ้นเปลือง
กำไรเกินครึ่ง
สินค้ายังเป็นที่ต้องการ
สำหรับโอกาสที่นักทำกุญแจจะสร้างรายได้ อาจารย์เกริก ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน ความต้องการใช้กุญแจของลูกค้า แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ลืม หาย ทำซ้ำ และทำใหม่ ส่วนตัวเชื่อว่า 4 ประเภทที่กล่าวมา ยังมีความถี่อยู่มาก ฉะนั้น ขอเพียงหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ เชื่อว่ายังมีโอกาสทำเงินอีกมาก
ทราบรายละเอียดการลงทุนไปพอสมควร อาจารย์เกริก แนะนำทำเลการเปิดร้านว่า ควรอยู่ในย่านหมู่บ้านจัดสรร หอพัก ห้องเช่า บริษัทไฟแนนซ์รถยนต์-รถจักรยานยนต์ หน้าร้านสะดวกซื้อ ย่านชุมชน ใต้คอนโดมิเนียม สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทุกสถานที่ที่กล่าวมา ควรเลี่ยงเปิดในที่มีคนเปิดอยู่แล้ว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการตัดราคา และไม่แข่งขันจนเกินไป
สำหรับด้านค่าแรงที่ผู้ประกอบอาชีพนี้จะได้รับ ฐานะเจ้าของร้าน แจกแจงว่า ส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะใช้วิธีคิดค่าบริการตามลักษณะงาน ค่าอุปกรณ์ ค่าแรง ค่าเช่าสถานที่ ค่าเสียเวลา เบ็ดเสร็จแต่ละชิ้นงาน จะมีกำไร 60 เปอร์เซ็นต์ และจากประสบการณ์สอนที่ผ่านมา ลูกศิษย์ที่ไปเปิดร้านส่วนใหญ่มีรายรับวันละประมาณ 700-1,000 บาท "ลูกค้าที่มาใช้บริการล้วนต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้น นอกจากขายฝีมือ เจ้าของร้านที่ดีควรสร้างความประทับใจ โดยกล่าวทักทาย ให้ความเป็นกันเอง ที่สำคัญ กำหนดราคาให้เป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง"
สำหรับแหล่งซื้อวัสดุ อาทิ หุ่นกุญแจ อาจารย์เกริก บอกว่า หลังจากที่เปิดร้านได้ไม่นาน จะมีตัวแทนจากร้านขายวัสดุเหล่านี้เข้ามาติดต่อนำแค็ตตาล็อกมาให้เลือก สามารถโทรศัพท์สั่งสินค้า และส่งกันทางไปรษณีย์กันได้เลย
ข้อมูลที่กล่าวมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิชาชีพรับทำกุญแจ ซึ่งข้อดี ที่สังเกตได้ง่ายคือ เป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่สร้างรายได้ระยะยาว ใช้แรงงานน้อย เน้นขายฝีมือ ดังนั้น จึงมีคู่แข่งน้อยราย หากใครสนใจอยากเรียนการทำกุญแจ กับอาจารย์เกริก จะได้รับความรู้และเทคนิคอีกมากมาย สนใจติดต่อที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน หรือโทรศัพท์สอบถามรายละเอียด ได้ที่ (02) 589-2222, (02) 589-0492 และ (02) 954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102 และ 2103
การเก็บรักษาเครื่องมือ
อย่าใช้มือจับบริเวณฟันของตะไบ เพราะเหงื่อ จะทำให้เป็นสนิมได้ง่าย
แหล่งซื้อวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องปั๊มกุญแจ ลูกกุญแจ เครื่องมือ
1. ย่านคลองถม
2. เวิ้งนาครเขษม
3. ย่านวรจักร
4. บริเวณสี่แยกท่าพระ
5. บริเวณสี่แยกวัดตึก
6. ร้านขวัญชัยแอนด์เติม ที่อยู่ 573-5 คลองถม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02) 224-3611, (02) 222-0706, (02) 224-3526
7. ร้านอุตสาหกรรมผลเลิศ อยู่แถวสี่แยกท่าพระ โทรศัพท์ (02) 457-1252, (02) 457-2472
8. ร้านแต๊กช่างอุตสาหกรรม อยู่แถวเวิ้งนาครเขษม
9. ร้านสยามอินเตอร์ล็อก อยู่ถนนจันทน์ เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
10. บริษัท สยามอินเตอร์ล็อคเทค จำกัด ที่อยู่ 1/8, 1/138 หมู่ 2 นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร พระราม 2 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
11. บจก. วี ที ซี เอ็นเตอร์ไพร์ส จัดจำหน่ายกุญแจ ที่อยู่ 65/126-8 อาคารชำนาญเพ็ญชาติ ชั้น 15 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เว็บไซต์ www.vtc.co.th โทรศัพท์ (02) 245-4834-5, (02) 248-4550-1, (02) 248-3839
12. บจก. โซเลค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ผู้ผลิตอุปกรณ์งานกุญแจ ที่อยู่ 919/406 ชั้น 32 อาคารเจลเวอร์รี่ เทรด เซ็นเตอร์ ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ เว็บไซต์ www.solexlock.com โทรศัพท์ (02) 630-2225-9
13. บจก. เอ็ม แอล ไอ อินดัสเตรียล ผู้ผลิตและจำหน่ายลูกกุญแจ ที่อยู่ 16/85 บางขุนเทียน-ชายทะเล ท่าข้าม บางขุนเทียน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 897-3070, (02) 897-3079
14. บจก. พรีซิชั่น แมนูแฟคเจอริ่ง ที่อยู่ 65 หมู่ 16 นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เว็บไซต์ www.pmc-th.com โทรศัพท์ (035) 258-339
15. บจก. สกุลไทย จำหน่ายอุปกรณ์กุญแจ ที่อยู่ 620 ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เว็บไซต์ www.skulthai.co.th โทรศัพท์ (02) 881-7151-60, (02) 433-0100-7, (02) 433-0108
16. บจก. ไอ. ซี. โอ. อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต ขายส่งลูกกุญแจ ที่อยู่ 5680 ซอยลาดพร้าว 101 คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ เว็บไซต์ www.iseothai.com โทรศัพท์ (02) 948-4458, (02) 946-8004
17. Locksmith Co.,Ltd. ขายปลีก-ส่งกุญแจ ที่อยู่ 380/93 หมู่ 10 ถนนเทพประสิทธิ ซอย 8 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เว็บไซต์ www.locksmith.co.th โทรศัพท์ (038) 301-025, (038) 300-936, (038) 301-026
18. บจก. ฮาคอน การ์เด้นโฮมช้อปปิ้งพลาซ่า จำหน่ายเครื่องทำกุญแจ ที่อยู่ 1/794 ซอยพหลโยธิน 60 ถนนพหลโยธิน ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 เว็บไซต์ www.hakon.net โทรศัพท์ (02) 993-8051-9, (02) 993-8050
19. บจก. เค ไอ ที เทรดดิ้ง ที่อยู่ 156 ซอยอ่อนนุช 40 ถนนสุขุมวิท สวนหลวง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 332-0749-50, (02) 332-5314
20. บจก. พัฒนสินแมชชินเนอรี่ จำหน่ายเครื่องมือทุกชนิด ที่อยู่ 68 ซอยเจริญกรุง 11 ถนนเจริญกรุง บ้านบาตร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 225-5449, (02) 225-2707
21. มิตรเจริญการช่าง จำหน่ายอุปกรณ์งานกุญแจ ที่อยู่ 449 ซอยประดู่ 1 ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 289-0547
22. ร้าน รุ่งดี ผลิตอุปกรณ์งานกุญแจ ที่อยู่ 1607/17-8 ซอยตลาดพูนทรัพย์ ริมทางรถไฟ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-5129
23. ร้านโป๋วการช่าง ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ หน้าต่าง ประตู งานกุญแจ ที่อยู่ 111/13 ซอยมังกร ไมตรีจิต กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-7213
24. บจก. สกุลไทย ผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์กุญแจ และโช้กอัพ ที่อยู่ 620 ถนนบรมราชชนนี บางบำหรุ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 881-7151-60, (02) 433-0108
25. หจก. ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์งานกุญแจ ที่อยู่ 185/13 ซอยวัดบรมนิวาส พระราม 1 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 215-5518, (02) 215-5518
26. หจก. อุดมกิจรุ่งโรจน์ ขายปลีกเครื่องมือ น็อต กุญแจ ที่อยู่ 4065/5-6 ถนนพระราม 4 คลองตัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 391-7383, (02) 390-0573
27. หจก. เอ็น วี ไฮ-เทค เอ็นจิเนียริ่ง จำหน่าย และผลิตกุญแจ Access Control System ที่อยู่ 1091/57 ซอย 31 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มักกะสัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 651-6954
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07033150353&srcday=2010-03-15&search=no
ไฟเบอร์กลาส
เรซิ่น-พิมพ์ยาง
เรียนกับต้นตำรับตัวจริง
วิชาด้านงานศิลปะประดิษฐ์หรืองานฝีมือที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน เปิดสอนมานานหลายปี แต่ยังไปได้ดีในปัจจุบัน คืองานด้านการหล่อเรซิ่น การหล่อไฟเบอร์กลาส และด้านการทำพิมพ์ยางซิลิโคนต่างๆ ซึ่งในหมวดวิชานี้มีเปิดสอนทั้งหมด 4 หลักสูตร ดังนี้
การหล่อไฟเบอร์กลาส
ลักษณะงานไฟเบอร์กลาสจะเป็นงานประเภท กันชนรถ หมวกกันน็อค หมวกเหล็ก หมวกรองใน บังโคนรถ ป้ายไฟเบอร์ ตราสัญลักษณ์ ช่อฟ้า ใบระกา ภูเขาน้ำตกเทียม เคลือบเรือไม้ให้คงทน ทำพาย ทำประตูไฟเบอร์ ถังน้ำ อ่างอาบน้ำ อ่างล้างชาม และอื่นๆ
จุดเด่นของงานชนิดนี้ มีลักษณะผิวบาง น้ำหนักเบา ซึ่งเป็นงานที่ไม่เหมือนกับงานพลาสติคหล่อหรืองานตุ๊กตาเรซิ่น
ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาส และพิมพ์ยาง ที่จะเปิดสอนเป็นหลักสูตร 2 วัน ซึ่งจะลงลึกในเรื่องของการทำแม่พิมพ์ยาง ซึ่งแม่พิมพ์ที่ว่านี้ทำขึ้นเพื่อใช้หล่อชิ้นงานต่างๆ เช่น งานหล่อเทียนแฟนซี หล่อชิ้นงานปูนปลาสเตอร์ งานหล่อฝ้าทีบาร์สำเร็จรูป งานทำผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาส หล่อปูนซีเมนต์ ฯลฯ
รายละเอียดหลักสูตร ดังนี้
วันแรก
- แนะนำวัสดุอุปกรณ์/ลักษณะงาน และการทำแม่พิมพ์ซิลิโคน
- เทคนิคการหล่อชิ้นงานไฟเบอร์กลาส และฝึกทำชิ้นงานไฟเบอร์กลาส
- แนะนำการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน การทำแม่พิมพ์พื้นเรียบและขรุขระ เช่น อ่างอาบน้ำ โคมไฟ ฯลฯ
- ฝึกปฏิบัติการทำแม่พิมพ์แบ่งส่วน (แม่พิมพ์ที่เรียนจะสลับซับซ้อน และมีขั้นตอนการทำที่ยากกว่าการเรียนหลักสูตรโลหะเทียม ที่ใช้เวลา 1 วัน)
- แนะนำผู้เข้าอบรมนำต้นแบบที่จะทำแม่พิมพ์ มาทำแม่พิมพ์ในวันรุ่งขึ้น (วันที่สอง)
วันที่สอง
- แนะนำแม่พิมพ์ที่ผู้เข้าอบรมแต่ละคนนำมา ว่ามีเทคนิคและวิธีการทำอย่างไร (แม่พิมพ์ที่นำมาไม่จำกัดรูปแบบ)
- ให้ผู้เข้าอบรมทำแม่พิมพ์ที่นำมา พร้อมปฏิบัติทำแม่พิมพ์ของใครของมัน คนละ 1 พิมพ์
- ฝึกปฏิบัติหล่อชิ้นงานจากแม่พิมพ์ที่ตัวเองทำขึ้น เพื่อให้เรียนรู้อย่างครบวงจร
- การแก้ไขข้อบกพร่อง การลงสี และการตกแต่งชิ้นงาน
- แนะนำการดัดแปลงแม่พิมพ์ การพัฒนาต่อยอด และการนำไปใช้งานที่หลากหลายขึ้น
- สรุปปัญหา ข้อเสนอแนะ และแนวทางการตลาดเบื้องต้น
(ค่าเรียน 2,675 บาท เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 1-2 พฤษภาคม 2553)
ผลิตภัณฑ์โลหะเทียม
การทำผลิตภัณฑ์โลหะเทียม คือ การทำภาพนูนต่ำจากวัสดุชนิดหนึ่ง เลียนแบบโลหะตอกลายที่ทำจากแผ่นอะลูมิเนียม แผ่นเงิน หรือแผ่นทองแดงได้ และทำได้คราวละมากๆ ใช้เวลาน้อยกว่า ความคงทนหรือคงรูปไม่แพ้โลหะจริง และสามารถสร้างสีสันได้ตามใจชอบ
วัสดุที่มาทำโลหะเทียม คือ เรซิ่น และใยแก้ว จึงอาจเรียกงานชนิดนี้ว่า ประติมากรรมเรซิ่น หรือไฟเบอร์กลาสประยุกต์ก็ย่อมได้
ผลิตภัณฑ์โลหะเทียม และพิมพ์ยาง จะใช้เวลาเรียน 1 วัน ผู้เรียนจะได้รับความรู้เรื่องการทำแม่พิมพ์ยางเบื้องต้น ซึ่งจะมีการสาธิตให้เห็นขั้นตอนต่างๆ ว่าทำอย่างไร กรณีที่ต้องการความรู้เรื่องการทำพิมพ์ยางโดยตรง ต้องเรียนหลักสูตร 2 วัน (ไฟเบอร์กลาส และพิมพ์ยาง)
รายละเอียดหลักสูตร ดังนี้
- รู้จักวัสดุอุปกรณ์ สาธิตการทำแม่พิมพ์เพื่อการหล่อชิ้นงานโลหะเทียม
- ฝึกปฏิบัติการทำแม่พิมพ์จากต้นแบบชนิดต่างๆ
- ฝึกปฏิบัติการหล่อโลหะเทียมจากต้นแบบที่เตรียมมา (ต้นแบบที่เตรียมมาให้ เช่น รูปในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ รูปรัชกาลต่างๆ ฯลฯ)
- การแต่งโลหะเงิน ทองแดง และทองเหลือง (การทำสีหรือปัดสีให้เหมือนโลหะจริง)
- แนะนำแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบ พร้อมแนะนำช่องทางตลาด และโอกาสธุรกิจ
(ค่าเรียน 1,605 บาท เปิดสอน วันที่ 4 เมษายน และรุ่นต่อไปช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2553)
สำหรับผู้สอน 2 หลักสูตรดังกล่าว คือ ร.อ.วิเชียร ฐิตะสมิต อดีตนายทหารสำนักงานทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด มีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องวิชาชีพสารพัดวิชา โดยเฉพาะไฟเบอร์กลาส และโลหะเทียมได้ทำเรื่อยมา แม้จะเกษียณอายุแล้วก็ตาม
ผลงานที่ผ่านมา เช่น ตราสัญลักษณ์วันสำคัญต่างๆ ที่ติดตามถนนหนทาง รูปรัชกาลต่างๆ รูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา ฯลฯ เคยได้รับรางวัลจากการประกวดผลิตภัณฑ์ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร แถมยังได้รับเกียรติเป็นประธานกลุ่มสินค้า OTOP กลุ่มโลหะเทียม จังหวัดนครนายก
ปัจจุบัน รับผลิตชิ้นงานไฟเบอร์กลาส และงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมแบ่งเวลาส่วนหนึ่งมาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้สนใจ
"ผมคิดว่าวิชาชีพการหล่อไฟเบอร์กลาส และโลหะเทียม ยังได้รับการตอบรับจากตลาดดีมาก เพราะเป็นงานศิลปะที่ดิ้นได้ สามารถดัดแปลงรูปแบบได้อย่างหลากหลาย" ร.อ.วิเชียร กล่าว
ประดิษฐ์ของชำร่วยจากเรซิ่น
การประดิษฐ์ของชำร่วยจากเรซิ่น หรือการหล่อเรซิ่น เป็นวิชาที่ศูนย์อาชีพฯ มติชน เปิดสอนมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกที่ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และจนวันนี้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ เพราะเป็นวิชาที่สามารถนำไปพัฒนาหรือต่อยอดได้อย่างหลากหลาย
การหล่อเรซิ่น เรียนอะไรบ้าง?
ผู้ที่จะตอบคำถามได้ดีที่สุดก็คือผู้สอน อาจารย์บุญธรรม รัตนวงกต ซึ่งได้จัดทำหลักสูตรไว้อย่างละเอียดว่าครอบคลุมในเรื่องอะไรบ้าง
- การประดิษฐ์ของชำร่วยหรือของที่ระลึกจากเรซิ่น เช่น ตุ๊กตา ผลไม้ กรอบรูป ที่ติดตู้เย็น ถาดรองแก้ว แม่พิมพ์เรซิ่น ของจิ๋ว ฯลฯ
- การใช้สีหรือการผสมสีเพื่อให้เกิดความสวยงามมีมิติใกล้เคียงกับของจริง กรณีที่ทำเป็นชิ้นงานใดๆ
- การออกแบบชิ้นงานให้มีความแปลกใหม่
- วิธีการและเทคนิคการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนเบื้องต้น ซึ่งในหัวข้อนี้จะไม่ลงลึกในรายละเอียดมากนัก แต่ถ้าใครอยากรู้เรื่องการทำพิมพ์ยางลึกๆ ต้องไปเรียนหลักสูตร 2 วัน (พิมพ์ยางซิลิโคนเพื่องานหล่อต่างๆ)
ในการเรียนนั้นจะมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติครบครัน โดยจะใช้เวลาแค่ 1 วัน ใน 1 วันที่ว่าจะได้ความรู้ครบถ้วน ควบคู่กับการปฏิบัติจริง กล่าวคือ
- เรียนรู้เรื่องวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการหล่อเรซิ่นและการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน
- ขอบข่ายของงานเรซิ่น ทำอะไรได้บ้าง ปรับใช้งานได้มากน้อยแค่ไหน
- ประเภทของเรซิ่นชนิดต่างๆ คุณสมบัติและข้อจำกัดในการทำชิ้นงาน
- เทคนิคการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนและการหล่อเรซิ่นวิธีต่างๆ
- ตัวอย่างชิ้นงานเรซิ่นชนิดต่างๆ (ผู้สอนจะนำมาโชว์ให้เห็นเพื่อให้เกิดจินตนาการ)
- แหล่งซื้อ/ขาย วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ (ราคาต้นทุน เพื่อทำเป็นการค้า)
- แนะแนวทางอาชีพและการตลาดรูปแบบต่างๆ
ส่วนภาคปฏิบัติจะทำชิ้นงาน ดังนี้
- หล่อเรซิ่นวิธีต่างๆ เช่น หล่อใส หล่อทึบ หล่อนูน หล่อขุ่น หล่อลายหินอ่อนเทียม และใส่สีต่างๆ
- ทำพิมพ์ยางซิลิโคน ภาพนูน (ที่ติดตู้เย็น ที่เสียบนามบัตร พวงกุญแจ) พร้อมการทำแม่พิมพ์ครอบ
- การผสมปูนปลาสเตอร์เพื่อทำต้นแบบแม่พิมพ์
(ค่าลงทะเบียน 1,605 บาท เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 8 พฤษภาคม 2553)
พิมพ์ยางซิลิโคนเพื่องานหล่อต่างๆ
ใครที่เรียนการหล่อเรซิ่นไปแล้ว หากต้องการทำเป็นอาชีพแบบครบวงจร ยังมีหลักสูตรต่อเนื่อง ชนิดที่ว่าเรียนจบแล้ว ออกไปรับงานได้ทันที ด้วยหลักสูตร การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น (งานลอยตัว) ดังรายละเอียดต่อไปนี้ (หลักสูตรแรกเป็นแค่เบื้องต้น แต่หลักสูตรนี้ลงลึก เน้นทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนโดยเฉพาะ)
- ปฏิบัติงานทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน แบบชิ้นงานลอยตัว เพื่อใช้หล่อตุ๊กตา ของชำร่วย ของจำลอง ฯลฯ
- วิธีการและเทคนิคการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น รูปแบบต่างๆ
ในการเรียนการสอนมีทั้งทฤษฎี และปฏิบัติ โดยทฤษฎีจะมีการบรรยายครอบคลุม ดังนี้
- วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น รูปแบบต่างๆ
- วิธีการและเทคนิคการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น รูปแบบต่างๆ
- หลักการในการแบ่งแม่พิมพ์ยางซิลิโคนรูปแบบต่างๆ
ส่วนภาคปฏิบัตินั้น จะเน้นในเรื่องเหล่านี้
- ทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น แบบงานลอยตัว จากต้นแบบรูปตุ๊กตาลอยตัว กับรูปผลไม้ (ส้ม) โดยมีขั้นตอนการทำงาน คือ การแบ่งแม่พิมพ์ การกั้นดินน้ำมัน การทายางซิลิโคน การทำแม่พิมพ์ครอบ (ปูนปลาสเตอร์)
- หล่องานลอยตัว (จากแม่พิมพ์ที่ทำขึ้นเอง) ด้วยเรซิ่นที่มีส่วนผสมต่างๆ
(ค่าลงทะเบียน 2,675 บาท เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 15-16 พฤษภาคม 2553)
สำหรับผู้สอน คือ อาจารย์บุญธรรม รัตนวงกต ได้ชื่อว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงในวงการ ผลงานการสอนและชิ้นงานที่ผ่านมาคงจะการันตีได้เป็นอย่างดีว่าเป็นมืออาชีพ โดยที่ผู้สอนจบการศึกษาเอกประติมากรรมสากล จากวิทยาเขตเพาะช่าง ปัจจุบันรับราชการเป็นครูบาอาจารย์สอนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา นอกจากเชี่ยวชาญงานเรซิ่นและพิมพ์ยางซิลิโคนแล้ว ยังเป็นเลิศทางด้านงานปั้น รับปั้นงานศิลปะต่างๆ รวมทั้งปั้นคนเหมือน เรียกว่าจบมาสายตรง
ล่าสุดนี้ อาจารย์บุญธรรม ร่วมกับคณะได้นำนักศึกษาไทยไปแข่งขันการแกะสลักหิมะนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ปรากฏว่าประเทศไทยได้รับรางวัลแชมป์โลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันจากจำนวนประเทศที่เข้าแข่งขันรวม 14 ประเทศ โดยผลงานแกะสลักเป็นภาพ "ไกรทองต่อสู้กับชาละวัน" ซึ่งอยู่ในวรรณคดีไทย ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเก่งกล้าสามารถของชายไทย ในการใช้วิชาความรู้ และศิลปะการต่อสู้จนเข่นฆ่าจระเข้เกเรได้ และสามารถนำความสุขมาสู่พี่น้องประชาชน
ท่านที่อยากจะเรียนรู้งานศิลปะจากอาจารย์ท่านนี้ ขออย่าได้ลังเลใจ รีบสมัครเรียนทันที
(รายละเอียดวิธีการสมัครตรวจสอบได้จาก ตารางโปรแกรมการอบรมเดือนเมษายน-พฤษภาคม ท้ายนี้)
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07080010453&srcday=2010-04-01&search=no
เรซิ่น-พิมพ์ยาง
เรียนกับต้นตำรับตัวจริง
วิชาด้านงานศิลปะประดิษฐ์หรืองานฝีมือที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน เปิดสอนมานานหลายปี แต่ยังไปได้ดีในปัจจุบัน คืองานด้านการหล่อเรซิ่น การหล่อไฟเบอร์กลาส และด้านการทำพิมพ์ยางซิลิโคนต่างๆ ซึ่งในหมวดวิชานี้มีเปิดสอนทั้งหมด 4 หลักสูตร ดังนี้
การหล่อไฟเบอร์กลาส
ลักษณะงานไฟเบอร์กลาสจะเป็นงานประเภท กันชนรถ หมวกกันน็อค หมวกเหล็ก หมวกรองใน บังโคนรถ ป้ายไฟเบอร์ ตราสัญลักษณ์ ช่อฟ้า ใบระกา ภูเขาน้ำตกเทียม เคลือบเรือไม้ให้คงทน ทำพาย ทำประตูไฟเบอร์ ถังน้ำ อ่างอาบน้ำ อ่างล้างชาม และอื่นๆ
จุดเด่นของงานชนิดนี้ มีลักษณะผิวบาง น้ำหนักเบา ซึ่งเป็นงานที่ไม่เหมือนกับงานพลาสติคหล่อหรืองานตุ๊กตาเรซิ่น
ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาส และพิมพ์ยาง ที่จะเปิดสอนเป็นหลักสูตร 2 วัน ซึ่งจะลงลึกในเรื่องของการทำแม่พิมพ์ยาง ซึ่งแม่พิมพ์ที่ว่านี้ทำขึ้นเพื่อใช้หล่อชิ้นงานต่างๆ เช่น งานหล่อเทียนแฟนซี หล่อชิ้นงานปูนปลาสเตอร์ งานหล่อฝ้าทีบาร์สำเร็จรูป งานทำผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาส หล่อปูนซีเมนต์ ฯลฯ
รายละเอียดหลักสูตร ดังนี้
วันแรก
- แนะนำวัสดุอุปกรณ์/ลักษณะงาน และการทำแม่พิมพ์ซิลิโคน
- เทคนิคการหล่อชิ้นงานไฟเบอร์กลาส และฝึกทำชิ้นงานไฟเบอร์กลาส
- แนะนำการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน การทำแม่พิมพ์พื้นเรียบและขรุขระ เช่น อ่างอาบน้ำ โคมไฟ ฯลฯ
- ฝึกปฏิบัติการทำแม่พิมพ์แบ่งส่วน (แม่พิมพ์ที่เรียนจะสลับซับซ้อน และมีขั้นตอนการทำที่ยากกว่าการเรียนหลักสูตรโลหะเทียม ที่ใช้เวลา 1 วัน)
- แนะนำผู้เข้าอบรมนำต้นแบบที่จะทำแม่พิมพ์ มาทำแม่พิมพ์ในวันรุ่งขึ้น (วันที่สอง)
วันที่สอง
- แนะนำแม่พิมพ์ที่ผู้เข้าอบรมแต่ละคนนำมา ว่ามีเทคนิคและวิธีการทำอย่างไร (แม่พิมพ์ที่นำมาไม่จำกัดรูปแบบ)
- ให้ผู้เข้าอบรมทำแม่พิมพ์ที่นำมา พร้อมปฏิบัติทำแม่พิมพ์ของใครของมัน คนละ 1 พิมพ์
- ฝึกปฏิบัติหล่อชิ้นงานจากแม่พิมพ์ที่ตัวเองทำขึ้น เพื่อให้เรียนรู้อย่างครบวงจร
- การแก้ไขข้อบกพร่อง การลงสี และการตกแต่งชิ้นงาน
- แนะนำการดัดแปลงแม่พิมพ์ การพัฒนาต่อยอด และการนำไปใช้งานที่หลากหลายขึ้น
- สรุปปัญหา ข้อเสนอแนะ และแนวทางการตลาดเบื้องต้น
(ค่าเรียน 2,675 บาท เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 1-2 พฤษภาคม 2553)
ผลิตภัณฑ์โลหะเทียม
การทำผลิตภัณฑ์โลหะเทียม คือ การทำภาพนูนต่ำจากวัสดุชนิดหนึ่ง เลียนแบบโลหะตอกลายที่ทำจากแผ่นอะลูมิเนียม แผ่นเงิน หรือแผ่นทองแดงได้ และทำได้คราวละมากๆ ใช้เวลาน้อยกว่า ความคงทนหรือคงรูปไม่แพ้โลหะจริง และสามารถสร้างสีสันได้ตามใจชอบ
วัสดุที่มาทำโลหะเทียม คือ เรซิ่น และใยแก้ว จึงอาจเรียกงานชนิดนี้ว่า ประติมากรรมเรซิ่น หรือไฟเบอร์กลาสประยุกต์ก็ย่อมได้
ผลิตภัณฑ์โลหะเทียม และพิมพ์ยาง จะใช้เวลาเรียน 1 วัน ผู้เรียนจะได้รับความรู้เรื่องการทำแม่พิมพ์ยางเบื้องต้น ซึ่งจะมีการสาธิตให้เห็นขั้นตอนต่างๆ ว่าทำอย่างไร กรณีที่ต้องการความรู้เรื่องการทำพิมพ์ยางโดยตรง ต้องเรียนหลักสูตร 2 วัน (ไฟเบอร์กลาส และพิมพ์ยาง)
รายละเอียดหลักสูตร ดังนี้
- รู้จักวัสดุอุปกรณ์ สาธิตการทำแม่พิมพ์เพื่อการหล่อชิ้นงานโลหะเทียม
- ฝึกปฏิบัติการทำแม่พิมพ์จากต้นแบบชนิดต่างๆ
- ฝึกปฏิบัติการหล่อโลหะเทียมจากต้นแบบที่เตรียมมา (ต้นแบบที่เตรียมมาให้ เช่น รูปในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ รูปรัชกาลต่างๆ ฯลฯ)
- การแต่งโลหะเงิน ทองแดง และทองเหลือง (การทำสีหรือปัดสีให้เหมือนโลหะจริง)
- แนะนำแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบ พร้อมแนะนำช่องทางตลาด และโอกาสธุรกิจ
(ค่าเรียน 1,605 บาท เปิดสอน วันที่ 4 เมษายน และรุ่นต่อไปช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2553)
สำหรับผู้สอน 2 หลักสูตรดังกล่าว คือ ร.อ.วิเชียร ฐิตะสมิต อดีตนายทหารสำนักงานทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด มีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องวิชาชีพสารพัดวิชา โดยเฉพาะไฟเบอร์กลาส และโลหะเทียมได้ทำเรื่อยมา แม้จะเกษียณอายุแล้วก็ตาม
ผลงานที่ผ่านมา เช่น ตราสัญลักษณ์วันสำคัญต่างๆ ที่ติดตามถนนหนทาง รูปรัชกาลต่างๆ รูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา ฯลฯ เคยได้รับรางวัลจากการประกวดผลิตภัณฑ์ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร แถมยังได้รับเกียรติเป็นประธานกลุ่มสินค้า OTOP กลุ่มโลหะเทียม จังหวัดนครนายก
ปัจจุบัน รับผลิตชิ้นงานไฟเบอร์กลาส และงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมแบ่งเวลาส่วนหนึ่งมาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้สนใจ
"ผมคิดว่าวิชาชีพการหล่อไฟเบอร์กลาส และโลหะเทียม ยังได้รับการตอบรับจากตลาดดีมาก เพราะเป็นงานศิลปะที่ดิ้นได้ สามารถดัดแปลงรูปแบบได้อย่างหลากหลาย" ร.อ.วิเชียร กล่าว
ประดิษฐ์ของชำร่วยจากเรซิ่น
การประดิษฐ์ของชำร่วยจากเรซิ่น หรือการหล่อเรซิ่น เป็นวิชาที่ศูนย์อาชีพฯ มติชน เปิดสอนมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกที่ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และจนวันนี้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ เพราะเป็นวิชาที่สามารถนำไปพัฒนาหรือต่อยอดได้อย่างหลากหลาย
การหล่อเรซิ่น เรียนอะไรบ้าง?
ผู้ที่จะตอบคำถามได้ดีที่สุดก็คือผู้สอน อาจารย์บุญธรรม รัตนวงกต ซึ่งได้จัดทำหลักสูตรไว้อย่างละเอียดว่าครอบคลุมในเรื่องอะไรบ้าง
- การประดิษฐ์ของชำร่วยหรือของที่ระลึกจากเรซิ่น เช่น ตุ๊กตา ผลไม้ กรอบรูป ที่ติดตู้เย็น ถาดรองแก้ว แม่พิมพ์เรซิ่น ของจิ๋ว ฯลฯ
- การใช้สีหรือการผสมสีเพื่อให้เกิดความสวยงามมีมิติใกล้เคียงกับของจริง กรณีที่ทำเป็นชิ้นงานใดๆ
- การออกแบบชิ้นงานให้มีความแปลกใหม่
- วิธีการและเทคนิคการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนเบื้องต้น ซึ่งในหัวข้อนี้จะไม่ลงลึกในรายละเอียดมากนัก แต่ถ้าใครอยากรู้เรื่องการทำพิมพ์ยางลึกๆ ต้องไปเรียนหลักสูตร 2 วัน (พิมพ์ยางซิลิโคนเพื่องานหล่อต่างๆ)
ในการเรียนนั้นจะมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติครบครัน โดยจะใช้เวลาแค่ 1 วัน ใน 1 วันที่ว่าจะได้ความรู้ครบถ้วน ควบคู่กับการปฏิบัติจริง กล่าวคือ
- เรียนรู้เรื่องวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการหล่อเรซิ่นและการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน
- ขอบข่ายของงานเรซิ่น ทำอะไรได้บ้าง ปรับใช้งานได้มากน้อยแค่ไหน
- ประเภทของเรซิ่นชนิดต่างๆ คุณสมบัติและข้อจำกัดในการทำชิ้นงาน
- เทคนิคการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนและการหล่อเรซิ่นวิธีต่างๆ
- ตัวอย่างชิ้นงานเรซิ่นชนิดต่างๆ (ผู้สอนจะนำมาโชว์ให้เห็นเพื่อให้เกิดจินตนาการ)
- แหล่งซื้อ/ขาย วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ (ราคาต้นทุน เพื่อทำเป็นการค้า)
- แนะแนวทางอาชีพและการตลาดรูปแบบต่างๆ
ส่วนภาคปฏิบัติจะทำชิ้นงาน ดังนี้
- หล่อเรซิ่นวิธีต่างๆ เช่น หล่อใส หล่อทึบ หล่อนูน หล่อขุ่น หล่อลายหินอ่อนเทียม และใส่สีต่างๆ
- ทำพิมพ์ยางซิลิโคน ภาพนูน (ที่ติดตู้เย็น ที่เสียบนามบัตร พวงกุญแจ) พร้อมการทำแม่พิมพ์ครอบ
- การผสมปูนปลาสเตอร์เพื่อทำต้นแบบแม่พิมพ์
(ค่าลงทะเบียน 1,605 บาท เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 8 พฤษภาคม 2553)
พิมพ์ยางซิลิโคนเพื่องานหล่อต่างๆ
ใครที่เรียนการหล่อเรซิ่นไปแล้ว หากต้องการทำเป็นอาชีพแบบครบวงจร ยังมีหลักสูตรต่อเนื่อง ชนิดที่ว่าเรียนจบแล้ว ออกไปรับงานได้ทันที ด้วยหลักสูตร การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น (งานลอยตัว) ดังรายละเอียดต่อไปนี้ (หลักสูตรแรกเป็นแค่เบื้องต้น แต่หลักสูตรนี้ลงลึก เน้นทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนโดยเฉพาะ)
- ปฏิบัติงานทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน แบบชิ้นงานลอยตัว เพื่อใช้หล่อตุ๊กตา ของชำร่วย ของจำลอง ฯลฯ
- วิธีการและเทคนิคการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น รูปแบบต่างๆ
ในการเรียนการสอนมีทั้งทฤษฎี และปฏิบัติ โดยทฤษฎีจะมีการบรรยายครอบคลุม ดังนี้
- วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น รูปแบบต่างๆ
- วิธีการและเทคนิคการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น รูปแบบต่างๆ
- หลักการในการแบ่งแม่พิมพ์ยางซิลิโคนรูปแบบต่างๆ
ส่วนภาคปฏิบัตินั้น จะเน้นในเรื่องเหล่านี้
- ทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน 2 ชิ้น แบบงานลอยตัว จากต้นแบบรูปตุ๊กตาลอยตัว กับรูปผลไม้ (ส้ม) โดยมีขั้นตอนการทำงาน คือ การแบ่งแม่พิมพ์ การกั้นดินน้ำมัน การทายางซิลิโคน การทำแม่พิมพ์ครอบ (ปูนปลาสเตอร์)
- หล่องานลอยตัว (จากแม่พิมพ์ที่ทำขึ้นเอง) ด้วยเรซิ่นที่มีส่วนผสมต่างๆ
(ค่าลงทะเบียน 2,675 บาท เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 15-16 พฤษภาคม 2553)
สำหรับผู้สอน คือ อาจารย์บุญธรรม รัตนวงกต ได้ชื่อว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงในวงการ ผลงานการสอนและชิ้นงานที่ผ่านมาคงจะการันตีได้เป็นอย่างดีว่าเป็นมืออาชีพ โดยที่ผู้สอนจบการศึกษาเอกประติมากรรมสากล จากวิทยาเขตเพาะช่าง ปัจจุบันรับราชการเป็นครูบาอาจารย์สอนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา นอกจากเชี่ยวชาญงานเรซิ่นและพิมพ์ยางซิลิโคนแล้ว ยังเป็นเลิศทางด้านงานปั้น รับปั้นงานศิลปะต่างๆ รวมทั้งปั้นคนเหมือน เรียกว่าจบมาสายตรง
ล่าสุดนี้ อาจารย์บุญธรรม ร่วมกับคณะได้นำนักศึกษาไทยไปแข่งขันการแกะสลักหิมะนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ปรากฏว่าประเทศไทยได้รับรางวัลแชมป์โลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันจากจำนวนประเทศที่เข้าแข่งขันรวม 14 ประเทศ โดยผลงานแกะสลักเป็นภาพ "ไกรทองต่อสู้กับชาละวัน" ซึ่งอยู่ในวรรณคดีไทย ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเก่งกล้าสามารถของชายไทย ในการใช้วิชาความรู้ และศิลปะการต่อสู้จนเข่นฆ่าจระเข้เกเรได้ และสามารถนำความสุขมาสู่พี่น้องประชาชน
ท่านที่อยากจะเรียนรู้งานศิลปะจากอาจารย์ท่านนี้ ขออย่าได้ลังเลใจ รีบสมัครเรียนทันที
(รายละเอียดวิธีการสมัครตรวจสอบได้จาก ตารางโปรแกรมการอบรมเดือนเมษายน-พฤษภาคม ท้ายนี้)
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07080010453&srcday=2010-04-01&search=no
ลอดช่องสิงคโปร์
สูตรเด็ดทำเงินงาม
เมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว วิชาลอดช่องสิงคโปร์ถือได้ว่าฮิตสุดๆ ร้อนแรงถึงขนาดว่าต้องจองกันนานเป็นเดือนกว่าจะได้เรียน และเมื่อเรียนจบไปแล้วผู้เรียนต่างก็ไปทำอาชีพขายจนประสบความสำเร็จหลายราย เป็นที่ฮือฮามาก ล่วงเข้ามาหน้าร้อนปีนี้ก็กลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง กับวิทยากรคนเดิมที่ได้เพิ่มเติมวิชาสอนอีก 2-3 วิชา
นั่นคือ อาจารย์นิรันดร์ สุพิมล ที่ครั้งหนึ่งเคยขายขนมหลากหลายรายการ แต่ด้วยชะตาชีวิตที่ไม่มีความแน่นอนทำให้เขาต้องหยุดการขายไประยะหนึ่งเพื่อมาทำงานอีกด้านหนึ่ง กระนั้นก็ดีอาชีพขายขนมยังอยู่ในสายเลือด เพราะขายมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่ โดยเฉพาะขนมทำเงินหน้าร้อนที่มีลอดช่องสิงคโปร์เป็นตัวชูโรง ทำให้ขนมตัวอื่นๆ ที่ขายพลอยขายดีไปด้วย
"ขนมที่ผมนำมาสอนนั้นอาจจะดูว่าเป็นขนมธรรมดา พื้นๆ ง่ายๆ ใครก็ทำได้ แค่ไปซื้อร้านขายส่งขนมในตลาด ซื้อเส้นสำเร็จมาลวกหรือที่เขาลวกแล้วมาทำขายก็ได้ ผมก็เคยทำแบบนี้แต่เฉพาะเวลาเร่งด่วน หรือของขาดตลาด แล้วไม่ได้เตรียม ผลออกมาคือลูกค้าจับได้ เพราะรสมันเปลี่ยน ก็เขาทานทุกวัน ความแตกต่างอยู่ที่ลูกค้าที่ซื้อเราทานเป็นคนตัดสิน ความมั่นใจของลูกค้า (ที่จะซื้อ) อยู่ที่การทำเอง"
"จากประสบการณ์ของผม ทำขายและโตมากับตลาด กล้าพูดได้เลยว่า ขนมตัวนี้สามารถทำเงินแสนได้ การทำขนมใช้เวลาน้อย ไม่ต้องเตรียมให้ยุ่งยาก ทำด้วยตนเอง หรือใช้แรงงาน 1-2 คน ไม่ต้องไปยืนขายเองก็ได้ รสชาติก็ไม่เปลี่ยน เพราะเราเตรียมปรุงไว้ให้แล้ว การลงทุนก็น้อย โต๊ะตัวเดียว โหลแก้ว 2 ใบ ก็ขายได้แล้ว" อาจารย์นิรันดร์ พูดถึงขนมลอดช่องสิงคโปร์ของตนเองที่เคยขายดีจนลูกค้าต้องรอคิว
นอกจาก ลอดช่องสิงคโปร์ ยังมีขนมอีกหลายตัวที่ขายคู่กันหรือเคยขายมาก่อน และต่อมาได้ทยอยเปิดสอน เช่น ซ่าหริ่มสูตรโบราณ กะทิ 3 แบบ สูตรการค้า (ซ่าหริ่ม 3 สี ซ่าหริ่มใบเตย พร้อมสูตรประยุกต์) รวมมิตรสูตรโบราณ 2 แบบ และเฉาก๊วยขูดน้ำใบเตย รวมมิตรน้ำแข็งไสครบสูตร น้ำกะทิ น้ำเชื่อม น้ำหวาน นม ข้าวเหนียวดำหุง เผือกน้ำกะทิ ลอดช่องไทยน้ำกะทิ กะลอจี๊สูตรฮ่องกง (สูตรขายดี แตกต่างจากเยาวราช) ฯลฯ
สำหรับลอดช่องสิงคโปร์ จะสอนคู่กับ ทับทิมกรอบสูตรการค้า รายละเอียดการสอนใน 1 วัน จะครอบคลุมเนื้อหาสาระตั้งแต่การแนะนำวัสดุอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการประกอบอาชีพและวัตถุดิบที่เป็นส่วนต่างๆ การต้มเคี่ยวน้ำเชื่อม การหั่นแห้ว การผสมสีอาหาร การนวดแป้งลอดช่อง การทำเส้น ผสมสีอาหาร การคลุกแป้งทับทิมกรอบ การลวกแป้งลอดช่อง ทับทิม การแช่น้ำก่อนผสม วิธีทำให้แป้งเหนียวอร่อยไม่อืด การผสมกะทิ การปรุงรสกลิ่น การใส่น้ำแข็ง การจัดเสิร์ฟ การดูแลขนมไม่ให้บูดโดยไม่ต้องใช้สารกันบูด ฯลฯ
ท่านที่สนใจจะเรียนลอดช่องสิงคโปร์ พบกันรุ่นต่อไป วันที่ 28 มีนาคม และก่อนนั้น 1 วันจะสอน รวมมิตร สูตรโบราณ 2 แบบ แถม เฉาก๊วยขูดน้ำใบเตย ในวันที่ 27 มีนาคม 2553
วุ้นแฟนซี
เต้าฮวยฟรุตสลัด
สูตรจากมืออาชีพ
เอ่ยชื่อว่า "วุ้นแฟนซี" ก็อาจจะดูว่าพื้นๆ ใครก็ทำได้ แต่ถ้าจะทำให้อร่อยและขายดีคงจะไม่ง่ายนัก หากไม่ได้มาเรียนรู้กันแบบจริงจัง โดยเฉพาะสูตรที่จะนำมาเป็นต้นแบบหรือเรียนรู้นั้นมาจากมืออาชีพตัวจริงเสียงจริง
นั่นคือ "วุ้นรุ่งทิพย์" ที่มีเจ้าของชื่อ "ทิพย์วรรณ ศุภนิศานุวงศ์" ได้ชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสระบุรี เพราะว่าได้รับการเลือกสรรเป็นสินค้า OTOP ระดับ 4 ดาว และยังการันตีเรื่องความสะอาดถูกหลักอนามัย คือมี อย.รับรองอีกด้วย
เรื่องราวของผู้เป็นเจ้าของสูตร นับว่าน่าสนใจไม่น้อยได้ต่อสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์วุ้นและขนมต่างๆ คือหลังจากที่เรียนจบทางด้านพาณิชย์ก็ได้ทำงานประจำอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาได้เข้าสู่อาชีพส่วนตัวจากร้านขายข้าวมันไก่ ร้านกาแฟสด และร้านขนมปังสังขยาใบเตย สูตรนมสด
ระหว่างนั้นได้มีญาติที่ต่างจังหวัดเปิดร้านขายขนมประเภทวุ้นของขวัญ จึงขอสูตรการทำขนมโดยที่ไม่ได้ไปเรียนด้วยตัวเอง เพราะต้องดูแลร้านจึงต้องลองทำโดยที่ไม่เคยเห็น จึงมีปัญหามาก แต่ก็ไม่ละความพยายาม จนทำได้จึงนำวุ้นไปฝากขายในร้านค้าเช่าที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง
ในช่วงแรกยังไม่ได้ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ แต่ขนมก็ขายดีมากๆ ลูกค้าชอบรสชาติ ถามว่าชื่อร้านอะไร หาซื้อที่ไหนได้อีกบ้าง จึงเริ่มตั้งชื่อขนมว่า "สูตรรุ่งทิพย์" ตั้งแต่นั้นมา
เมื่อขายได้ระยะหนึ่งมีความคิดว่าจะต้องต่อยอดสินค้า จึงคิดพัฒนาเรื่องรูปแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ สิ่งสำคัญคือต้องขอ อย. ให้ได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและขยายตลาดได้
ได้ไปปรึกษากับคนรู้จักที่เคยขอ อย. ไปถามเขาว่ามีขั้นตอนอย่างไร เขาเล่าว่า ขอยากมากๆ ขอไป 3-4 ปี ก็ยังไม่ได้ ต้องซื้อจึงจะได้และแพงมาก เมื่อได้ข้อมูลจากที่เขาเล่ามาอย่างนั้นยิ่งท้อแท้จนคิดจะหยุดอยู่แค่นั้น
แต่พอเจอลูกค้าถามถึงบ่อยๆ เขาว่า อยากรับประทานขนมของเราอีก ก็ฮึดสู้ว่าถ้าเราไม่ลองเราก็ไม่รู้ จึงโทรศัพท์ไปที่สาธารณสุขจังหวัด ขอข้อมูลที่แท้จริงโดยตรงเลยว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร ต้องใช้อะไรบ้างและค่าใช้จ่ายในการขอ อย. ต้องใช้เท่าไร
จากข้อมูลที่ทางสาธารณสุขบอกมา จึงได้รู้ว่าการขอ อย. ไม่ได้ยากอะไรเลย และไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการขอด้วย แต่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและเอกสารต้องครบ จึงเริ่มดำเนินการทันที โดยจัดหาเอกสารต่างๆ และจัดเตรียมสถานที่ผลิตให้สะอาด ปราศจากฝุ่นและแมลง จัดเก็บอุปกรณ์เครื่องมือให้เป็นระเบียบตามมาตรฐานที่กำหนด และเจ้าหน้าที่มาตรวจสถานที่ผลิต ซึ่งทั้งหมดใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียวก็สามารถออกเลข อย. ได้แล้ว
จากนั้นทางจังหวัดได้มีการประกวดสินค้าคัดสรร หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เมื่อได้ข่าวก็สนใจเข้ารับฟังและนำสินค้าของเราเข้าคัดสรร หลังจากคณะกรรมการคัดสรรและสัมภาษณ์ถึงการผลิตสินค้าแล้ว ก็ได้คะแนนระดับ 4 ดาว
ผลจากการเข้าเป็นสินค้าคัดสรรนี้สามารถสร้างชื่อได้เป็นอย่างดี และทางจังหวัดให้โอกาสในการออกร้านในงานแสดงสินค้า OTOP และงานอื่นๆ ที่จัดขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าให้อีกด้วย
จากที่มีประสบการณ์ในระดับหนึ่ง และด้วยหัวใจที่มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้การทำขนม และอาหารจากสถาบันต่างๆ มาพอสมควร ได้เห็นการสอนของแต่ละคนแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งบางคนจะสอนเฉพาะสูตรวิธีการทำ แต่เทคนิคให้ออกมาดีหรือมีปัญหาในการทำจะไม่บอก ให้ไปเรียนรู้เอาเอง จึงมีความรู้สึกว่าเขาคิดถึงเชิงธุรกิจเกินไป ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูที่จะถ่ายทอด
จึงบอกกับตัวเองว่า วันใดที่เราต้องมาถ่ายทอดความรู้ให้ใครสักคนเราจะไม่ทำอย่างนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับความรู้กลับไปอย่างเต็มที่
นี่เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของอาจารย์ทิพย์วรรณ ที่ตัดสินใจมาเป็นวิทยากรประจำศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน มาตั้งแต่ปี 2548 จนมาถึงทุกวันนี้
วิชาที่สอนนอกจาก วุ้นแฟนซีสไตล์ต่างๆ (แถมวุ้นในลูกมะพร้าว) ยังมี เต้าฮวยนมสด เต้าฮวยฟรุตสลัด ซึ่งจะเปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 3 เมษายน 2553
ข้าวเหนียวมูน
เปิดสอน 2 สูตรดัง
เมื่อถึงหน้าร้อนทีไรใครต่อใครจะต้องนึกถึงข้าวเหนียวมะม่วง เพราะมะม่วงจะออกชุกในช่วงต้นปีไปจนถึงเกือบกลางปี อันที่จริงเวลานี้บ้านเราสามารถทำมะม่วงนอกฤดูได้ด้วย การทำข้าวเหนียวมูนมะม่วงจึงทำขายได้ทั้งปีก็ว่าได้
ข้าวเหนียวมูน ที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน เปิดสอนนั้นมีอยู่ 2 เจ้า ซึ่งทั้ง 2 เจ้ามีความแตกต่างในเรื่องของสูตร และรูปแบบการขายอยู่พอสมควร
เจ้าแรกที่จะแนะนำคือ "ข้าวเหนียวมูน 7 สี 7 หน้า" ที่มีเจ้าของเป็นคนรุ่นใหม่ นามว่า "อัจจิมา ปิ่นรัตน์" หรือ "คุณกิ๊ก" โดยมีร้านขายอยู่ที่ตลาดพิบูลย์วิทย์ ตรงข้ามซอยกำนันแม้น 8 ถนนเอกชัย (36) เขตจอมทอง กรุงเทพฯ
ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าของร้านข้าวเหนียวมูน เคยทำงานบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ และโฆษณา ทำมาได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกว่าเริ่มเบื่องานประจำ เพราะที่ทำงานกับบ้านอยู่ไกลกันมาก ไม่สะดวกในการเดินทาง และประจวบกับแถวบ้านได้เปิดตลาดสดขึ้นใหม่ จึงคิดอยากลองค้าขายดูบ้าง และตัวเองก็มีพื้นความรู้ทางด้านนี้ เพราะจบด้านอาหารและโภชนาการ มาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพระนครใต้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เทคนิคกรุงเทพ เลยนำเอาความรู้ที่ได้เรียนมาประกอบอาชีพ
"เริ่มต้นจากการขายขนมหวานต่างๆ อาทิ ตะโก้ ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวตัด ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ซึ่งก็ขายได้ระดับหนึ่ง พอขายได้สักพักลูกค้าเริ่มเบื่อขนมที่ทำขายอยู่ทุกวัน จึงคิดทำขนมอย่างอื่นเสริมดูบ้าง อาทิ ขนมต้ม ถั่วแปบ ขนมเหนียว และขนมหม้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เต้าส่วน ถั่วดำ ถั่วเขียว ฯลฯ และขนมตามเทศกาลต่างๆ เช่น ตรุษจีน สารทจีน เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน (สูตรเฉพาะ) ถ้วยฟู ปุยฝ้าย ฯลฯ"
"ทีนี้พอมาถึงหน้าร้อนช่วงเดือนมกราคม ไปจนถึงพฤษภาคม เป็นหน้ามะม่วงชุก ลูกค้านิยมรับประทานมะม่วงกับข้าวเหนียวมูน ทางร้านจึงคิดมูนข้าวเหนียวขายบ้าง ซึ่งช่วงแรกที่ทำเราขายสู้ร้านที่ใกล้กันไม่ได้ แต่เราก็ไม่เคยท้อมุมานะปรับปรุงสูตรและหมั่นถามลูกค้าอยู่ตลอดว่ารสชาติใช้ได้ไหม จนมาลงตัว ณ สูตรปัจจุบันนี้ ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง..."
ที่ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง คือ "จากที่ดูเขาขาย กลายเป็นขายแทบไม่ทัน"
นี่เป็นเรื่องราวของคุณกิ๊ก หรือ "อาจารย์กิ๊ก" ของลูกศิษย์ ในฐานะวิทยากรวิชา "ข้าวเหนียวมูน 7 สี 7 หน้า" ประจำศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน ตั้งแต่ต้นปี 2550 จนถึงวันนี้
เดิมใช้ชื่อหลักสูตรว่า "ข้าวเหนียวมูน 4 สี 5 หน้า" แต่ล่าสุดนี้ได้มีการปรับเพิ่มหลักสูตรใหม่ ใช้ชื่อว่า "ข้าวเหนียว 7 สี 7 หน้า" คือได้เพิ่มสีข้าวเหนียวมูน และหน้าข้าวเหนียวมูนให้หลากหลายยิ่งขึ้น
รายละเอียดการสอน จะเริ่มด้วยการให้ความรู้เรื่องการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ แหล่งซื้อวัตถุดิบ การทำหน้าต่างๆ เช่น หน้าสังขยา หน้ากุ้ง หน้าปลา หน้ากระฉีก หน้ากลอย หน้าลูกตาล ฯลฯ ต่อด้วยสอนแช่ข้าวเหนียว วิธีทำข้าวเหนียวมูน สีขาว สีดำ สีเหลือง (ขมิ้น)ั้สีเขียว (ใบเตย) ข้าวเหนียวหน้ากลอย ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังแนะนำการนำข้าวเหนียวและวัตถุดิบที่เหลือมาแปรรูป เช่น ทำข้าวเหนียวตัด ข้าวต้มมัด ข้าวเหนียวหน้านวล หน้าต่างๆ เช่น หน้าทองหยอด หน้าฝอยทอง หน้าถั่วดำ ฯลฯ
ข้าวเหนียวมูนสูตรนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะขายได้ทุกฤดูกาล เพราะว่ามีสีสันสวยงาม แถมมีหน้าต่างๆ ให้เลือกมากมาย เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 3 เมษายน 2553
เจ้าต่อมาที่จะมาสอนข้าวเหนียวมูนคือ อาจารย์พะเยาว์ กฤษแก้ว มีร้านขายตั้งอยู่ที่หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาติวานนท์ (ระหว่างติวานนท์ 23-25) ปักหลักขายมานานกว่า 10 ปี จนมีลูกค้าประจำมากมาย และได้ชื่อว่าเป็น "สูตรชาวบ้าน แต่รสชาติชาววัง" เพราะร่ำลือเรื่องความอร่อยไม่เป็นสองรองใคร
อาจารย์พะเยาว์ สืบทอดอาชีพขายข้าวเหนียวมะม่วง มาจากคุณแม่ (เจริญ ร่วมสมัคร) ทำขายเลี้ยงลูก 13 คน ที่อยุธยาบ้านเกิด คู่กับขนมไทยนานาชนิด ต่อมาคุณแม่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ มาขายอยู่ที่ย่านเตาปูน สมัยนั้นตนเองทำงานโรงงานทำเส้นด้าย และใช้เวลาว่างหลังเลิกงานมาทำขนมขาย
จากที่ตั้งใจว่าจะทำขายเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงาน พอทำได้สักปีเริ่มเห็นว่ามีรายได้จึงลงมือทำอย่างจริงจัง และได้เพิ่มขนมให้หลากหลาย ทั้งประเภทขนมน้ำ ขนมเชื่อม เช่น บัวลอยเผือกไข่หวาน ซ่าหริ่ม ลอดช่องไทย มันสำปะหลังเชื่อม เผือกเชื่อม ปลากริมไข่เต่า ครองแครงมะพร้าวอ่อน สาคู เต้าส่วน ฯลฯ โดยขนมเหล่านี้จะสลับขายกันในแต่ละวัน แต่ที่ขายเป็นหลักยืนพื้นทุกวันก็คือ ข้าวเหนียวมะม่วง หรือข้าวเหนียวมูน นั่นเอง
สำหรับรายละเอียดการสอน จะครบทุกขั้นตอนตั้งแต่เอาสารส้มขัดข้าวเหนียวก่อนซาวน้ำให้สะอาด แช่ข้าวเหนียว ระหว่างนั้นฝึกทำหน้าสังขยา หน้าปลาแห้ง หน้ากุ้ง จนแล้วเสร็จ
ต่อด้วยการนึ่งข้าวเหนียวที่แช่น้ำเตรียมไว้ ทำส่วนผสม (น้ำมูน) จนแล้วเสร็จ เอาน้ำมูนมากวนรวมกับข้าวเหนียวที่นึ่งร้อนๆ
นอกจากนี้ ยังสอนการทำข้าวเหนียวธัญพืช ที่มีลูกเดือย ถั่วดำ ถั่วแดง ฯลฯ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งเป็นข้าวเหนียวสูตรที่ขายดีอีกสูตรหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องรอเฉพาะหน้ามะม่วง
รุ่นต่อไปจะเปิดสอน วันที่ 4 เมษายน 2553
(ปัจจุบัน อาจารย์พะเยาว์ยังสอนวิชา รวมมิตร ทับทิมกรอบ ซ่าหริ่ม ซึ่งเป็นขนมอีกรายการหนึ่งที่ขายดิบขายดี จะเปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 25 เมษายน 2553 และยังมีโครงการจะเปิดสอนวิชาขนมหม้อ 10 รายการ เช่น ขนมเต้าส่วน และขนมประเภทแกงบวดชนิดต่างๆ)
นอกจากวิชาชีพที่กล่าวมาทั้งหมด ยังมีที่เกี่ยวกับเครื่องดื่มต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งเปิดสอนกันเป็นประจำและเหมาะกับหน้าร้อน เช่น กาแฟสดสไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งสอนโดย อาจารย์เปรมเกียรติ รัตนวรเสฏฐ์ กาแฟโบราณและเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสอนโดย อาจารย์อุไรวรรณ ปัญญาอาวุธ น้ำผลไม้และสมุนไพรบรรจุขวด เหล้าปั่นและน้ำผลไม้ปั่นสมูธตี้ ซึ่งสอนโดย อาจารย์เชษฐา และอาจารย์สุจินดา ใจใส รวมทั้งวิชาน้ำผลไม้ปั่นเกล็ดหิมะระบบอุตสาหกรรม ที่จะกลับมาสอนอีกครั้งในวันที่ 24 เมษายน 2553
สนใจวิชาไหนก็ให้รีบจองเรียน โทร. (02) 589-2222 ต่อ 2100-2103 หรือตรวจสอบรายละเอียดวิธีการสมัครและชำระเงินค่าเรียนได้จาก ตารางโปรแกรมการอบรมเดือนมีนาคม-เมษายน ท้ายนี้
ข่าวฝากจากอาจารย์พันธ์
ใครที่เป็นแฟนประจำ อาจารย์พันธ์ ทรงประเสริฐ ขอแจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน 2553 มีกำหนดเดินทางไปต่างประเทศนานนับเดือน ใครใคร่เรียนวิชาไหนที่สอนโดยอาจารย์ท่านนี้ขอให้รีบสมัคร...
- ขาหมูฮกเกี้ยน (สูตรต้นตำรับ 50 ปี) เป็นสูตรเด็ดจากบรรพบุรุษที่สืบทอดมาช้านาน และมีผู้เรียนหลายท่านนำวิชาความรู้ไปเปิดร้านขายจนประสบความสำเร็จ จะเปิดสอนอีกครั้งวันที่ 20 มีนาคม 2553
- ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ (สูตรประชานิยม) เป็นสูตรที่ผู้สอนได้ดัดแปลงจากก๋วยเตี๋ยวสูตรสมุนไพรผสมกับก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นยาจีน ซึ่งเคยเปิดสอนมา 2-3 รุ่นแล้ว จะเปิดสอนอีกรุ่น วันที่ 27 มีนาคม
- เกาเหลาเนื้อตุ๋น เครื่องในตุ๋น วิชานี้จะครบเครื่องเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เป็นสูตรเด็ดที่เพิ่งเปิดสอนไปเพียงรุ่นเดียว จะเปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 3 เมษายน
- เมนูขายดีระดับภัตตาคาร (4 รายการ) เป็นวิชาใหม่ล่าสุดของผู้สอน ประกอบด้วย ข้าวผัดปู กระเพาะปลาน้ำแดง กุ้งอบวุ้นเส้น สุกี้แห้ง และน้ำ ทั้ง 4 เมนูได้ชื่อว่าเป็นเมนูยอดนิยม ซึ่งใครที่ทำได้อร่อยเด็ดจะสามารถเปิดขายแบบเดี่ยวๆ ได้ด้วย เปิดสอนรุ่นแรก วันที่ 4 เมษายน
ค่าเรียนวิชาละ 1,605 บาท ลงทะเบียน 2 วิชา จะได้ลด 20% คงเหลือวิชาละ 1,284 บาทเท่านั้น
ซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
เปิดสอน 3-4 เมษายน 2553
ช่างซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เป็นอีกวิชาชีพหนึ่งที่เหมาะกับหน้าร้อน ยิ่งบ้านเราเป็นเมืองร้อน อากาศจึงร้อนแทบทั้งปี ธุรกิจเครื่องปรับอากาศ จึงนับวันที่จะมีบทบาทสูงยิ่ง หลายคนอยากติดแอร์ หลายคนอยากก้าวสู่ธุรกิจนี้ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
"ธีระชัย แสงกระจ่าง" คือผู้ที่จะมาให้คำตอบในสิ่งที่คุณอยากรู้ โดยเฉพาะในเรื่องของอาชีพหรือธุรกิจตรงนี้ ว่าจะก้าวมาได้อย่างไร โดยจะถ่ายทอดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลายาวนาน
ในฐานะเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามัคคีแอร์ 1999 ที่ประสบความสำเร็จด้วยดี
เส้นทางก่อนที่จะมาถึงวันนี้ อาจารย์ธีระชัย เล่าให้ฟังว่า เป็นคนกรุงเทพฯ มาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แม้ว่าพ่อจะรับราชการทหาร โดยเฉพาะมีพี่น้องถึง 9 คน และตัวเองเป็นคนที่ 5 ชีวิตการทำงานเริ่มขึ้นในปี 2521 หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนช่างฝีมือทหาร ได้มารับราชการ ที่กรมช่างโยธา กองทัพอากาศ ตำแหน่งช่างเทคนิค
ระหว่างที่ทำงานอยู่นั้น ได้เรียนต่อภาคบ่ายที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เทคนิคกรุงเทพ จนจบระดับ ปวส. และในปี 2524 หลังจากที่เรียนจบได้สอบเข้าทำงานที่ การท่าอากาศยานฯ และได้บรรจุในตำแหน่งช่างควบคุม (ช่างเทคนิค) ดูแลระบบเครื่องปรับอากาศ และไฟฟ้า
"ช่วงที่ทำงานได้มีโอกาสสัมผัสกับเครื่องปรับอากาศในรูปแบบต่างๆ และได้มีโอกาสเดินทางไปซ่อมระบบปรับอากาศในกองบินทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบความเย็นของสนามบิน หรือคาร์โก้ต่างๆ พร้อมๆ กับมีแนวคิดว่าเครื่องปรับอากาศเริ่มมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน และมีความหลากหลาย ไม่ได้มีเฉพาะแอร์บ้าน สำนักงาน แต่ยังมีแอร์รถยนต์ แถมทุกบ้านต้องมีตู้เย็น จึงน่าจะทำเป็นอาชีพเสริม โดยร่วมมือกับเพื่อนๆ ที่เป็นช่างด้วยกัน มารับซ่อมเครื่องปรับอากาศตามบ้าน และโรงงานต่างๆ"
ในปี 2530 จากอาชีพเสริมที่เกิดจากจุดเล็กๆ ก็เริ่มที่จะกลายเป็นอาชีพประจำ กล่าวคือมีทีมงานที่เป็นกิจจะลักษณะ มีงานประจำที่จะต้องทำ มีแผนงานที่จะรองรับงานนั้นงานนี้
"เป็นอาชีพที่ทำรายได้ดีมาก ยกตัวอย่าง เงินเดือนราชการสมัยที่ทำแรกๆ เดือนละ 1,200 บาท แอร์ตัวหนึ่งๆ ซึ่งสมัยนั้นต้องนำเข้าอย่างเดียวตัวละร่วม 30,000 บาท พอติดตั้งเสร็จได้กำไรตัวละ 5,000 บาทขึ้นไป ซึ่งถ้าทำงานต้องทำถึง 4 เดือน มันเป็นสิ่งท้าทายให้เราต้องทำงานนี้อย่างจริงจัง"
งานแรกที่เข้าสู่ระบบให้ต้องทำงานอย่างจริงจัง คือ การรับซ่อมและบำรุงรักษาตู้เย็นให้กับโรงพยาบาลบำราศนราดูร ซึ่งโรงพยาบาลจะมีตู้เย็นจำนวนมาก เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เก็บยา หรือเวชภัณฑ์ต่างๆ
งานต่อมา เป็นงานดูแลซ่อมบำรุงระบบปรับอากาศของโรงงานฝาจีบ และงานอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย
กระทั่งปี 2533 หลังจากที่อาชีพซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ยืนอยู่ได้ มีลูกค้าที่ต้องดูแลมากพอแล้ว อาจารย์ธีระชัยได้ตัดสินใจจดทะเบียนเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามัคคีแอร์ 1999 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 200,000 บาท สำนักงานตั้งอยู่ เลขที่ 50/89 ถนนสามัคคี (ด้านหน้าหมู่บ้านประชาชื่น) ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
ในปี 2539 เมื่อเห็นว่ากิจการเริ่มไปได้ มีความลงตัวในแง่ของรายได้และลูกค้าที่แน่นอน จึงได้ตัดสินใจลาออกจากราชการ
"หลายคนมองว่าลาออกทำไม งานซ่อมแอร์มันไม่มั่นคง จะยอมทิ้งเงินเดือน 30,000 กว่าบาท หรือ ซึ่งถ้าเรามองในมุมนี้มันก็ถูกต้องตามที่เขาบอก เงินเดือนขนาดนั้นเลี้ยงครอบครัวได้สบายๆ จะไปเหนื่อยอีกทำไมละ แต่เราเองมองว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย เป็นงานที่มีแนวโน้มจะเติบโตในอนาคต และอีกอย่างหนึ่งงานราชการที่ทำอยู่ก็เริ่มบีบรัด เราไม่สามารถที่จะทำงาน 2 อย่าง พร้อมกันในเวลาเดียวกัน จึงคิดว่าควรจะตัดสินใจลาออกดีกว่า"
การตัดสินใจลาออกไม่ผิดพลาด แต่กว่าที่จะผ่านพ้นหรือยืนหยัดมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเหมือนกัน โดยเฉพาะในปี 2540 เศรษฐกิจประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤต หลายบริษัทล้มระเนระนาด อาจารย์ธีระชัยเองก็ได้รับผลกระทบบ้างแต่เล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ เพราะมีระบบที่แข็งแรง การลงทุนเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ลงทุนแบบกู้หนี้ยืมสิน และที่สำคัญ ไม่ได้รับงานจากรายใหญ่เท่าไร เรียกว่าไม่ได้ไปประมูลงานที่ไหน แต่รับงานจากลูกค้ารายย่อยเป็นส่วนใหญ่
ณ วันนี้กิจการของอาจารย์ธีระชัย ยืนหยัดอยู่ได้ในระดับแนวหน้า แม้ว่าทำเลที่อยู่ใกล้ๆ กันจะมีร้านรับติดตั้งและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศเกิดขึ้นหลายร้าน โดยเน้นพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย เพื่อให้ทันกับการแข่งขันที่นับวันจะสูงขึ้น ซึ่งจะมีทีมงานบริการ ทั้งหมด 4-5 ชุด มีเครื่องมือต่างๆ และมีบริการครบวงจร
สำหรับรายละเอียดหลักสูตรซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ที่สอนโดย อาจารย์ธีระชัย จะใช้เวลาเรียนรู้ 2 วัน โดยจะให้ความรู้ทางด้านทฤษฎีและระบบการติดตั้งอย่างครบเครื่อง
วันแรก
- ตลาดปัจจุบันและอนาคตของเครื่องปรับอากาศ เปิดร้านพื้นฐานของระบบเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในปัจจุบัน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ หน้าที่ การทำงาน
- หลักการทำงานเบื้องต้นของเครื่องปรับอากาศ คอมเพรสเซอร์ Motor Fan Coil Unit Condensing Unit
- วงจรไฟฟ้าในระบบเครื่องปรับอากาศ Thermostot, relay, Pimes
- การตรวจสอบอาการ และซ่อมพื้นฐาน
วันที่สอง
- เครื่องมือเครื่องใช้ในงานเครื่องปรับอากาศ
- การใช้และความปลอดภัย ข้อควรระวังในงานเครื่องปรับอากาศ
- จัดกลุ่มปฏิบัติ กลุ่มละ 5-10 คน ให้ปฏิบัติจริง แบ่งเป็น 3 สถานี
1. สถานีอุปกรณ์ไฟฟ้าถอดประกอบ
2. สถานีท่อระบบน้ำยาเชื่อมท่อ
3. สถานีประกอบระบบท่อ แวค เติมน้ำยาโดยใช้วัสดุอุปกรณ์จริง
- สรุปการเรียนการสอน ตอบปัญหาข้อสงสัยของผู้เรียน
ค่าเรียน 2 วัน 2,675 บาท
เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 3-4 เมษายน 2553...อย่าพลาด!
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07085150453&srcday=&search=no
สูตรเด็ดทำเงินงาม
เมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว วิชาลอดช่องสิงคโปร์ถือได้ว่าฮิตสุดๆ ร้อนแรงถึงขนาดว่าต้องจองกันนานเป็นเดือนกว่าจะได้เรียน และเมื่อเรียนจบไปแล้วผู้เรียนต่างก็ไปทำอาชีพขายจนประสบความสำเร็จหลายราย เป็นที่ฮือฮามาก ล่วงเข้ามาหน้าร้อนปีนี้ก็กลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง กับวิทยากรคนเดิมที่ได้เพิ่มเติมวิชาสอนอีก 2-3 วิชา
นั่นคือ อาจารย์นิรันดร์ สุพิมล ที่ครั้งหนึ่งเคยขายขนมหลากหลายรายการ แต่ด้วยชะตาชีวิตที่ไม่มีความแน่นอนทำให้เขาต้องหยุดการขายไประยะหนึ่งเพื่อมาทำงานอีกด้านหนึ่ง กระนั้นก็ดีอาชีพขายขนมยังอยู่ในสายเลือด เพราะขายมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่ โดยเฉพาะขนมทำเงินหน้าร้อนที่มีลอดช่องสิงคโปร์เป็นตัวชูโรง ทำให้ขนมตัวอื่นๆ ที่ขายพลอยขายดีไปด้วย
"ขนมที่ผมนำมาสอนนั้นอาจจะดูว่าเป็นขนมธรรมดา พื้นๆ ง่ายๆ ใครก็ทำได้ แค่ไปซื้อร้านขายส่งขนมในตลาด ซื้อเส้นสำเร็จมาลวกหรือที่เขาลวกแล้วมาทำขายก็ได้ ผมก็เคยทำแบบนี้แต่เฉพาะเวลาเร่งด่วน หรือของขาดตลาด แล้วไม่ได้เตรียม ผลออกมาคือลูกค้าจับได้ เพราะรสมันเปลี่ยน ก็เขาทานทุกวัน ความแตกต่างอยู่ที่ลูกค้าที่ซื้อเราทานเป็นคนตัดสิน ความมั่นใจของลูกค้า (ที่จะซื้อ) อยู่ที่การทำเอง"
"จากประสบการณ์ของผม ทำขายและโตมากับตลาด กล้าพูดได้เลยว่า ขนมตัวนี้สามารถทำเงินแสนได้ การทำขนมใช้เวลาน้อย ไม่ต้องเตรียมให้ยุ่งยาก ทำด้วยตนเอง หรือใช้แรงงาน 1-2 คน ไม่ต้องไปยืนขายเองก็ได้ รสชาติก็ไม่เปลี่ยน เพราะเราเตรียมปรุงไว้ให้แล้ว การลงทุนก็น้อย โต๊ะตัวเดียว โหลแก้ว 2 ใบ ก็ขายได้แล้ว" อาจารย์นิรันดร์ พูดถึงขนมลอดช่องสิงคโปร์ของตนเองที่เคยขายดีจนลูกค้าต้องรอคิว
นอกจาก ลอดช่องสิงคโปร์ ยังมีขนมอีกหลายตัวที่ขายคู่กันหรือเคยขายมาก่อน และต่อมาได้ทยอยเปิดสอน เช่น ซ่าหริ่มสูตรโบราณ กะทิ 3 แบบ สูตรการค้า (ซ่าหริ่ม 3 สี ซ่าหริ่มใบเตย พร้อมสูตรประยุกต์) รวมมิตรสูตรโบราณ 2 แบบ และเฉาก๊วยขูดน้ำใบเตย รวมมิตรน้ำแข็งไสครบสูตร น้ำกะทิ น้ำเชื่อม น้ำหวาน นม ข้าวเหนียวดำหุง เผือกน้ำกะทิ ลอดช่องไทยน้ำกะทิ กะลอจี๊สูตรฮ่องกง (สูตรขายดี แตกต่างจากเยาวราช) ฯลฯ
สำหรับลอดช่องสิงคโปร์ จะสอนคู่กับ ทับทิมกรอบสูตรการค้า รายละเอียดการสอนใน 1 วัน จะครอบคลุมเนื้อหาสาระตั้งแต่การแนะนำวัสดุอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการประกอบอาชีพและวัตถุดิบที่เป็นส่วนต่างๆ การต้มเคี่ยวน้ำเชื่อม การหั่นแห้ว การผสมสีอาหาร การนวดแป้งลอดช่อง การทำเส้น ผสมสีอาหาร การคลุกแป้งทับทิมกรอบ การลวกแป้งลอดช่อง ทับทิม การแช่น้ำก่อนผสม วิธีทำให้แป้งเหนียวอร่อยไม่อืด การผสมกะทิ การปรุงรสกลิ่น การใส่น้ำแข็ง การจัดเสิร์ฟ การดูแลขนมไม่ให้บูดโดยไม่ต้องใช้สารกันบูด ฯลฯ
ท่านที่สนใจจะเรียนลอดช่องสิงคโปร์ พบกันรุ่นต่อไป วันที่ 28 มีนาคม และก่อนนั้น 1 วันจะสอน รวมมิตร สูตรโบราณ 2 แบบ แถม เฉาก๊วยขูดน้ำใบเตย ในวันที่ 27 มีนาคม 2553
วุ้นแฟนซี
เต้าฮวยฟรุตสลัด
สูตรจากมืออาชีพ
เอ่ยชื่อว่า "วุ้นแฟนซี" ก็อาจจะดูว่าพื้นๆ ใครก็ทำได้ แต่ถ้าจะทำให้อร่อยและขายดีคงจะไม่ง่ายนัก หากไม่ได้มาเรียนรู้กันแบบจริงจัง โดยเฉพาะสูตรที่จะนำมาเป็นต้นแบบหรือเรียนรู้นั้นมาจากมืออาชีพตัวจริงเสียงจริง
นั่นคือ "วุ้นรุ่งทิพย์" ที่มีเจ้าของชื่อ "ทิพย์วรรณ ศุภนิศานุวงศ์" ได้ชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสระบุรี เพราะว่าได้รับการเลือกสรรเป็นสินค้า OTOP ระดับ 4 ดาว และยังการันตีเรื่องความสะอาดถูกหลักอนามัย คือมี อย.รับรองอีกด้วย
เรื่องราวของผู้เป็นเจ้าของสูตร นับว่าน่าสนใจไม่น้อยได้ต่อสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์วุ้นและขนมต่างๆ คือหลังจากที่เรียนจบทางด้านพาณิชย์ก็ได้ทำงานประจำอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาได้เข้าสู่อาชีพส่วนตัวจากร้านขายข้าวมันไก่ ร้านกาแฟสด และร้านขนมปังสังขยาใบเตย สูตรนมสด
ระหว่างนั้นได้มีญาติที่ต่างจังหวัดเปิดร้านขายขนมประเภทวุ้นของขวัญ จึงขอสูตรการทำขนมโดยที่ไม่ได้ไปเรียนด้วยตัวเอง เพราะต้องดูแลร้านจึงต้องลองทำโดยที่ไม่เคยเห็น จึงมีปัญหามาก แต่ก็ไม่ละความพยายาม จนทำได้จึงนำวุ้นไปฝากขายในร้านค้าเช่าที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง
ในช่วงแรกยังไม่ได้ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ แต่ขนมก็ขายดีมากๆ ลูกค้าชอบรสชาติ ถามว่าชื่อร้านอะไร หาซื้อที่ไหนได้อีกบ้าง จึงเริ่มตั้งชื่อขนมว่า "สูตรรุ่งทิพย์" ตั้งแต่นั้นมา
เมื่อขายได้ระยะหนึ่งมีความคิดว่าจะต้องต่อยอดสินค้า จึงคิดพัฒนาเรื่องรูปแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ สิ่งสำคัญคือต้องขอ อย. ให้ได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและขยายตลาดได้
ได้ไปปรึกษากับคนรู้จักที่เคยขอ อย. ไปถามเขาว่ามีขั้นตอนอย่างไร เขาเล่าว่า ขอยากมากๆ ขอไป 3-4 ปี ก็ยังไม่ได้ ต้องซื้อจึงจะได้และแพงมาก เมื่อได้ข้อมูลจากที่เขาเล่ามาอย่างนั้นยิ่งท้อแท้จนคิดจะหยุดอยู่แค่นั้น
แต่พอเจอลูกค้าถามถึงบ่อยๆ เขาว่า อยากรับประทานขนมของเราอีก ก็ฮึดสู้ว่าถ้าเราไม่ลองเราก็ไม่รู้ จึงโทรศัพท์ไปที่สาธารณสุขจังหวัด ขอข้อมูลที่แท้จริงโดยตรงเลยว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร ต้องใช้อะไรบ้างและค่าใช้จ่ายในการขอ อย. ต้องใช้เท่าไร
จากข้อมูลที่ทางสาธารณสุขบอกมา จึงได้รู้ว่าการขอ อย. ไม่ได้ยากอะไรเลย และไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการขอด้วย แต่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและเอกสารต้องครบ จึงเริ่มดำเนินการทันที โดยจัดหาเอกสารต่างๆ และจัดเตรียมสถานที่ผลิตให้สะอาด ปราศจากฝุ่นและแมลง จัดเก็บอุปกรณ์เครื่องมือให้เป็นระเบียบตามมาตรฐานที่กำหนด และเจ้าหน้าที่มาตรวจสถานที่ผลิต ซึ่งทั้งหมดใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียวก็สามารถออกเลข อย. ได้แล้ว
จากนั้นทางจังหวัดได้มีการประกวดสินค้าคัดสรร หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เมื่อได้ข่าวก็สนใจเข้ารับฟังและนำสินค้าของเราเข้าคัดสรร หลังจากคณะกรรมการคัดสรรและสัมภาษณ์ถึงการผลิตสินค้าแล้ว ก็ได้คะแนนระดับ 4 ดาว
ผลจากการเข้าเป็นสินค้าคัดสรรนี้สามารถสร้างชื่อได้เป็นอย่างดี และทางจังหวัดให้โอกาสในการออกร้านในงานแสดงสินค้า OTOP และงานอื่นๆ ที่จัดขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าให้อีกด้วย
จากที่มีประสบการณ์ในระดับหนึ่ง และด้วยหัวใจที่มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้การทำขนม และอาหารจากสถาบันต่างๆ มาพอสมควร ได้เห็นการสอนของแต่ละคนแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งบางคนจะสอนเฉพาะสูตรวิธีการทำ แต่เทคนิคให้ออกมาดีหรือมีปัญหาในการทำจะไม่บอก ให้ไปเรียนรู้เอาเอง จึงมีความรู้สึกว่าเขาคิดถึงเชิงธุรกิจเกินไป ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูที่จะถ่ายทอด
จึงบอกกับตัวเองว่า วันใดที่เราต้องมาถ่ายทอดความรู้ให้ใครสักคนเราจะไม่ทำอย่างนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับความรู้กลับไปอย่างเต็มที่
นี่เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของอาจารย์ทิพย์วรรณ ที่ตัดสินใจมาเป็นวิทยากรประจำศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน มาตั้งแต่ปี 2548 จนมาถึงทุกวันนี้
วิชาที่สอนนอกจาก วุ้นแฟนซีสไตล์ต่างๆ (แถมวุ้นในลูกมะพร้าว) ยังมี เต้าฮวยนมสด เต้าฮวยฟรุตสลัด ซึ่งจะเปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 3 เมษายน 2553
ข้าวเหนียวมูน
เปิดสอน 2 สูตรดัง
เมื่อถึงหน้าร้อนทีไรใครต่อใครจะต้องนึกถึงข้าวเหนียวมะม่วง เพราะมะม่วงจะออกชุกในช่วงต้นปีไปจนถึงเกือบกลางปี อันที่จริงเวลานี้บ้านเราสามารถทำมะม่วงนอกฤดูได้ด้วย การทำข้าวเหนียวมูนมะม่วงจึงทำขายได้ทั้งปีก็ว่าได้
ข้าวเหนียวมูน ที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน เปิดสอนนั้นมีอยู่ 2 เจ้า ซึ่งทั้ง 2 เจ้ามีความแตกต่างในเรื่องของสูตร และรูปแบบการขายอยู่พอสมควร
เจ้าแรกที่จะแนะนำคือ "ข้าวเหนียวมูน 7 สี 7 หน้า" ที่มีเจ้าของเป็นคนรุ่นใหม่ นามว่า "อัจจิมา ปิ่นรัตน์" หรือ "คุณกิ๊ก" โดยมีร้านขายอยู่ที่ตลาดพิบูลย์วิทย์ ตรงข้ามซอยกำนันแม้น 8 ถนนเอกชัย (36) เขตจอมทอง กรุงเทพฯ
ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าของร้านข้าวเหนียวมูน เคยทำงานบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ และโฆษณา ทำมาได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกว่าเริ่มเบื่องานประจำ เพราะที่ทำงานกับบ้านอยู่ไกลกันมาก ไม่สะดวกในการเดินทาง และประจวบกับแถวบ้านได้เปิดตลาดสดขึ้นใหม่ จึงคิดอยากลองค้าขายดูบ้าง และตัวเองก็มีพื้นความรู้ทางด้านนี้ เพราะจบด้านอาหารและโภชนาการ มาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพระนครใต้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เทคนิคกรุงเทพ เลยนำเอาความรู้ที่ได้เรียนมาประกอบอาชีพ
"เริ่มต้นจากการขายขนมหวานต่างๆ อาทิ ตะโก้ ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวตัด ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ซึ่งก็ขายได้ระดับหนึ่ง พอขายได้สักพักลูกค้าเริ่มเบื่อขนมที่ทำขายอยู่ทุกวัน จึงคิดทำขนมอย่างอื่นเสริมดูบ้าง อาทิ ขนมต้ม ถั่วแปบ ขนมเหนียว และขนมหม้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เต้าส่วน ถั่วดำ ถั่วเขียว ฯลฯ และขนมตามเทศกาลต่างๆ เช่น ตรุษจีน สารทจีน เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน (สูตรเฉพาะ) ถ้วยฟู ปุยฝ้าย ฯลฯ"
"ทีนี้พอมาถึงหน้าร้อนช่วงเดือนมกราคม ไปจนถึงพฤษภาคม เป็นหน้ามะม่วงชุก ลูกค้านิยมรับประทานมะม่วงกับข้าวเหนียวมูน ทางร้านจึงคิดมูนข้าวเหนียวขายบ้าง ซึ่งช่วงแรกที่ทำเราขายสู้ร้านที่ใกล้กันไม่ได้ แต่เราก็ไม่เคยท้อมุมานะปรับปรุงสูตรและหมั่นถามลูกค้าอยู่ตลอดว่ารสชาติใช้ได้ไหม จนมาลงตัว ณ สูตรปัจจุบันนี้ ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง..."
ที่ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง คือ "จากที่ดูเขาขาย กลายเป็นขายแทบไม่ทัน"
นี่เป็นเรื่องราวของคุณกิ๊ก หรือ "อาจารย์กิ๊ก" ของลูกศิษย์ ในฐานะวิทยากรวิชา "ข้าวเหนียวมูน 7 สี 7 หน้า" ประจำศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน ตั้งแต่ต้นปี 2550 จนถึงวันนี้
เดิมใช้ชื่อหลักสูตรว่า "ข้าวเหนียวมูน 4 สี 5 หน้า" แต่ล่าสุดนี้ได้มีการปรับเพิ่มหลักสูตรใหม่ ใช้ชื่อว่า "ข้าวเหนียว 7 สี 7 หน้า" คือได้เพิ่มสีข้าวเหนียวมูน และหน้าข้าวเหนียวมูนให้หลากหลายยิ่งขึ้น
รายละเอียดการสอน จะเริ่มด้วยการให้ความรู้เรื่องการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ แหล่งซื้อวัตถุดิบ การทำหน้าต่างๆ เช่น หน้าสังขยา หน้ากุ้ง หน้าปลา หน้ากระฉีก หน้ากลอย หน้าลูกตาล ฯลฯ ต่อด้วยสอนแช่ข้าวเหนียว วิธีทำข้าวเหนียวมูน สีขาว สีดำ สีเหลือง (ขมิ้น)ั้สีเขียว (ใบเตย) ข้าวเหนียวหน้ากลอย ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังแนะนำการนำข้าวเหนียวและวัตถุดิบที่เหลือมาแปรรูป เช่น ทำข้าวเหนียวตัด ข้าวต้มมัด ข้าวเหนียวหน้านวล หน้าต่างๆ เช่น หน้าทองหยอด หน้าฝอยทอง หน้าถั่วดำ ฯลฯ
ข้าวเหนียวมูนสูตรนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะขายได้ทุกฤดูกาล เพราะว่ามีสีสันสวยงาม แถมมีหน้าต่างๆ ให้เลือกมากมาย เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 3 เมษายน 2553
เจ้าต่อมาที่จะมาสอนข้าวเหนียวมูนคือ อาจารย์พะเยาว์ กฤษแก้ว มีร้านขายตั้งอยู่ที่หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาติวานนท์ (ระหว่างติวานนท์ 23-25) ปักหลักขายมานานกว่า 10 ปี จนมีลูกค้าประจำมากมาย และได้ชื่อว่าเป็น "สูตรชาวบ้าน แต่รสชาติชาววัง" เพราะร่ำลือเรื่องความอร่อยไม่เป็นสองรองใคร
อาจารย์พะเยาว์ สืบทอดอาชีพขายข้าวเหนียวมะม่วง มาจากคุณแม่ (เจริญ ร่วมสมัคร) ทำขายเลี้ยงลูก 13 คน ที่อยุธยาบ้านเกิด คู่กับขนมไทยนานาชนิด ต่อมาคุณแม่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ มาขายอยู่ที่ย่านเตาปูน สมัยนั้นตนเองทำงานโรงงานทำเส้นด้าย และใช้เวลาว่างหลังเลิกงานมาทำขนมขาย
จากที่ตั้งใจว่าจะทำขายเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงาน พอทำได้สักปีเริ่มเห็นว่ามีรายได้จึงลงมือทำอย่างจริงจัง และได้เพิ่มขนมให้หลากหลาย ทั้งประเภทขนมน้ำ ขนมเชื่อม เช่น บัวลอยเผือกไข่หวาน ซ่าหริ่ม ลอดช่องไทย มันสำปะหลังเชื่อม เผือกเชื่อม ปลากริมไข่เต่า ครองแครงมะพร้าวอ่อน สาคู เต้าส่วน ฯลฯ โดยขนมเหล่านี้จะสลับขายกันในแต่ละวัน แต่ที่ขายเป็นหลักยืนพื้นทุกวันก็คือ ข้าวเหนียวมะม่วง หรือข้าวเหนียวมูน นั่นเอง
สำหรับรายละเอียดการสอน จะครบทุกขั้นตอนตั้งแต่เอาสารส้มขัดข้าวเหนียวก่อนซาวน้ำให้สะอาด แช่ข้าวเหนียว ระหว่างนั้นฝึกทำหน้าสังขยา หน้าปลาแห้ง หน้ากุ้ง จนแล้วเสร็จ
ต่อด้วยการนึ่งข้าวเหนียวที่แช่น้ำเตรียมไว้ ทำส่วนผสม (น้ำมูน) จนแล้วเสร็จ เอาน้ำมูนมากวนรวมกับข้าวเหนียวที่นึ่งร้อนๆ
นอกจากนี้ ยังสอนการทำข้าวเหนียวธัญพืช ที่มีลูกเดือย ถั่วดำ ถั่วแดง ฯลฯ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งเป็นข้าวเหนียวสูตรที่ขายดีอีกสูตรหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องรอเฉพาะหน้ามะม่วง
รุ่นต่อไปจะเปิดสอน วันที่ 4 เมษายน 2553
(ปัจจุบัน อาจารย์พะเยาว์ยังสอนวิชา รวมมิตร ทับทิมกรอบ ซ่าหริ่ม ซึ่งเป็นขนมอีกรายการหนึ่งที่ขายดิบขายดี จะเปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 25 เมษายน 2553 และยังมีโครงการจะเปิดสอนวิชาขนมหม้อ 10 รายการ เช่น ขนมเต้าส่วน และขนมประเภทแกงบวดชนิดต่างๆ)
นอกจากวิชาชีพที่กล่าวมาทั้งหมด ยังมีที่เกี่ยวกับเครื่องดื่มต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งเปิดสอนกันเป็นประจำและเหมาะกับหน้าร้อน เช่น กาแฟสดสไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งสอนโดย อาจารย์เปรมเกียรติ รัตนวรเสฏฐ์ กาแฟโบราณและเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสอนโดย อาจารย์อุไรวรรณ ปัญญาอาวุธ น้ำผลไม้และสมุนไพรบรรจุขวด เหล้าปั่นและน้ำผลไม้ปั่นสมูธตี้ ซึ่งสอนโดย อาจารย์เชษฐา และอาจารย์สุจินดา ใจใส รวมทั้งวิชาน้ำผลไม้ปั่นเกล็ดหิมะระบบอุตสาหกรรม ที่จะกลับมาสอนอีกครั้งในวันที่ 24 เมษายน 2553
สนใจวิชาไหนก็ให้รีบจองเรียน โทร. (02) 589-2222 ต่อ 2100-2103 หรือตรวจสอบรายละเอียดวิธีการสมัครและชำระเงินค่าเรียนได้จาก ตารางโปรแกรมการอบรมเดือนมีนาคม-เมษายน ท้ายนี้
ข่าวฝากจากอาจารย์พันธ์
ใครที่เป็นแฟนประจำ อาจารย์พันธ์ ทรงประเสริฐ ขอแจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน 2553 มีกำหนดเดินทางไปต่างประเทศนานนับเดือน ใครใคร่เรียนวิชาไหนที่สอนโดยอาจารย์ท่านนี้ขอให้รีบสมัคร...
- ขาหมูฮกเกี้ยน (สูตรต้นตำรับ 50 ปี) เป็นสูตรเด็ดจากบรรพบุรุษที่สืบทอดมาช้านาน และมีผู้เรียนหลายท่านนำวิชาความรู้ไปเปิดร้านขายจนประสบความสำเร็จ จะเปิดสอนอีกครั้งวันที่ 20 มีนาคม 2553
- ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ (สูตรประชานิยม) เป็นสูตรที่ผู้สอนได้ดัดแปลงจากก๋วยเตี๋ยวสูตรสมุนไพรผสมกับก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นยาจีน ซึ่งเคยเปิดสอนมา 2-3 รุ่นแล้ว จะเปิดสอนอีกรุ่น วันที่ 27 มีนาคม
- เกาเหลาเนื้อตุ๋น เครื่องในตุ๋น วิชานี้จะครบเครื่องเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เป็นสูตรเด็ดที่เพิ่งเปิดสอนไปเพียงรุ่นเดียว จะเปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 3 เมษายน
- เมนูขายดีระดับภัตตาคาร (4 รายการ) เป็นวิชาใหม่ล่าสุดของผู้สอน ประกอบด้วย ข้าวผัดปู กระเพาะปลาน้ำแดง กุ้งอบวุ้นเส้น สุกี้แห้ง และน้ำ ทั้ง 4 เมนูได้ชื่อว่าเป็นเมนูยอดนิยม ซึ่งใครที่ทำได้อร่อยเด็ดจะสามารถเปิดขายแบบเดี่ยวๆ ได้ด้วย เปิดสอนรุ่นแรก วันที่ 4 เมษายน
ค่าเรียนวิชาละ 1,605 บาท ลงทะเบียน 2 วิชา จะได้ลด 20% คงเหลือวิชาละ 1,284 บาทเท่านั้น
ซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
เปิดสอน 3-4 เมษายน 2553
ช่างซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เป็นอีกวิชาชีพหนึ่งที่เหมาะกับหน้าร้อน ยิ่งบ้านเราเป็นเมืองร้อน อากาศจึงร้อนแทบทั้งปี ธุรกิจเครื่องปรับอากาศ จึงนับวันที่จะมีบทบาทสูงยิ่ง หลายคนอยากติดแอร์ หลายคนอยากก้าวสู่ธุรกิจนี้ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
"ธีระชัย แสงกระจ่าง" คือผู้ที่จะมาให้คำตอบในสิ่งที่คุณอยากรู้ โดยเฉพาะในเรื่องของอาชีพหรือธุรกิจตรงนี้ ว่าจะก้าวมาได้อย่างไร โดยจะถ่ายทอดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลายาวนาน
ในฐานะเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามัคคีแอร์ 1999 ที่ประสบความสำเร็จด้วยดี
เส้นทางก่อนที่จะมาถึงวันนี้ อาจารย์ธีระชัย เล่าให้ฟังว่า เป็นคนกรุงเทพฯ มาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แม้ว่าพ่อจะรับราชการทหาร โดยเฉพาะมีพี่น้องถึง 9 คน และตัวเองเป็นคนที่ 5 ชีวิตการทำงานเริ่มขึ้นในปี 2521 หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนช่างฝีมือทหาร ได้มารับราชการ ที่กรมช่างโยธา กองทัพอากาศ ตำแหน่งช่างเทคนิค
ระหว่างที่ทำงานอยู่นั้น ได้เรียนต่อภาคบ่ายที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เทคนิคกรุงเทพ จนจบระดับ ปวส. และในปี 2524 หลังจากที่เรียนจบได้สอบเข้าทำงานที่ การท่าอากาศยานฯ และได้บรรจุในตำแหน่งช่างควบคุม (ช่างเทคนิค) ดูแลระบบเครื่องปรับอากาศ และไฟฟ้า
"ช่วงที่ทำงานได้มีโอกาสสัมผัสกับเครื่องปรับอากาศในรูปแบบต่างๆ และได้มีโอกาสเดินทางไปซ่อมระบบปรับอากาศในกองบินทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบความเย็นของสนามบิน หรือคาร์โก้ต่างๆ พร้อมๆ กับมีแนวคิดว่าเครื่องปรับอากาศเริ่มมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน และมีความหลากหลาย ไม่ได้มีเฉพาะแอร์บ้าน สำนักงาน แต่ยังมีแอร์รถยนต์ แถมทุกบ้านต้องมีตู้เย็น จึงน่าจะทำเป็นอาชีพเสริม โดยร่วมมือกับเพื่อนๆ ที่เป็นช่างด้วยกัน มารับซ่อมเครื่องปรับอากาศตามบ้าน และโรงงานต่างๆ"
ในปี 2530 จากอาชีพเสริมที่เกิดจากจุดเล็กๆ ก็เริ่มที่จะกลายเป็นอาชีพประจำ กล่าวคือมีทีมงานที่เป็นกิจจะลักษณะ มีงานประจำที่จะต้องทำ มีแผนงานที่จะรองรับงานนั้นงานนี้
"เป็นอาชีพที่ทำรายได้ดีมาก ยกตัวอย่าง เงินเดือนราชการสมัยที่ทำแรกๆ เดือนละ 1,200 บาท แอร์ตัวหนึ่งๆ ซึ่งสมัยนั้นต้องนำเข้าอย่างเดียวตัวละร่วม 30,000 บาท พอติดตั้งเสร็จได้กำไรตัวละ 5,000 บาทขึ้นไป ซึ่งถ้าทำงานต้องทำถึง 4 เดือน มันเป็นสิ่งท้าทายให้เราต้องทำงานนี้อย่างจริงจัง"
งานแรกที่เข้าสู่ระบบให้ต้องทำงานอย่างจริงจัง คือ การรับซ่อมและบำรุงรักษาตู้เย็นให้กับโรงพยาบาลบำราศนราดูร ซึ่งโรงพยาบาลจะมีตู้เย็นจำนวนมาก เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เก็บยา หรือเวชภัณฑ์ต่างๆ
งานต่อมา เป็นงานดูแลซ่อมบำรุงระบบปรับอากาศของโรงงานฝาจีบ และงานอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย
กระทั่งปี 2533 หลังจากที่อาชีพซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ยืนอยู่ได้ มีลูกค้าที่ต้องดูแลมากพอแล้ว อาจารย์ธีระชัยได้ตัดสินใจจดทะเบียนเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามัคคีแอร์ 1999 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 200,000 บาท สำนักงานตั้งอยู่ เลขที่ 50/89 ถนนสามัคคี (ด้านหน้าหมู่บ้านประชาชื่น) ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
ในปี 2539 เมื่อเห็นว่ากิจการเริ่มไปได้ มีความลงตัวในแง่ของรายได้และลูกค้าที่แน่นอน จึงได้ตัดสินใจลาออกจากราชการ
"หลายคนมองว่าลาออกทำไม งานซ่อมแอร์มันไม่มั่นคง จะยอมทิ้งเงินเดือน 30,000 กว่าบาท หรือ ซึ่งถ้าเรามองในมุมนี้มันก็ถูกต้องตามที่เขาบอก เงินเดือนขนาดนั้นเลี้ยงครอบครัวได้สบายๆ จะไปเหนื่อยอีกทำไมละ แต่เราเองมองว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย เป็นงานที่มีแนวโน้มจะเติบโตในอนาคต และอีกอย่างหนึ่งงานราชการที่ทำอยู่ก็เริ่มบีบรัด เราไม่สามารถที่จะทำงาน 2 อย่าง พร้อมกันในเวลาเดียวกัน จึงคิดว่าควรจะตัดสินใจลาออกดีกว่า"
การตัดสินใจลาออกไม่ผิดพลาด แต่กว่าที่จะผ่านพ้นหรือยืนหยัดมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเหมือนกัน โดยเฉพาะในปี 2540 เศรษฐกิจประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤต หลายบริษัทล้มระเนระนาด อาจารย์ธีระชัยเองก็ได้รับผลกระทบบ้างแต่เล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ เพราะมีระบบที่แข็งแรง การลงทุนเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ลงทุนแบบกู้หนี้ยืมสิน และที่สำคัญ ไม่ได้รับงานจากรายใหญ่เท่าไร เรียกว่าไม่ได้ไปประมูลงานที่ไหน แต่รับงานจากลูกค้ารายย่อยเป็นส่วนใหญ่
ณ วันนี้กิจการของอาจารย์ธีระชัย ยืนหยัดอยู่ได้ในระดับแนวหน้า แม้ว่าทำเลที่อยู่ใกล้ๆ กันจะมีร้านรับติดตั้งและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศเกิดขึ้นหลายร้าน โดยเน้นพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย เพื่อให้ทันกับการแข่งขันที่นับวันจะสูงขึ้น ซึ่งจะมีทีมงานบริการ ทั้งหมด 4-5 ชุด มีเครื่องมือต่างๆ และมีบริการครบวงจร
สำหรับรายละเอียดหลักสูตรซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ที่สอนโดย อาจารย์ธีระชัย จะใช้เวลาเรียนรู้ 2 วัน โดยจะให้ความรู้ทางด้านทฤษฎีและระบบการติดตั้งอย่างครบเครื่อง
วันแรก
- ตลาดปัจจุบันและอนาคตของเครื่องปรับอากาศ เปิดร้านพื้นฐานของระบบเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในปัจจุบัน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ หน้าที่ การทำงาน
- หลักการทำงานเบื้องต้นของเครื่องปรับอากาศ คอมเพรสเซอร์ Motor Fan Coil Unit Condensing Unit
- วงจรไฟฟ้าในระบบเครื่องปรับอากาศ Thermostot, relay, Pimes
- การตรวจสอบอาการ และซ่อมพื้นฐาน
วันที่สอง
- เครื่องมือเครื่องใช้ในงานเครื่องปรับอากาศ
- การใช้และความปลอดภัย ข้อควรระวังในงานเครื่องปรับอากาศ
- จัดกลุ่มปฏิบัติ กลุ่มละ 5-10 คน ให้ปฏิบัติจริง แบ่งเป็น 3 สถานี
1. สถานีอุปกรณ์ไฟฟ้าถอดประกอบ
2. สถานีท่อระบบน้ำยาเชื่อมท่อ
3. สถานีประกอบระบบท่อ แวค เติมน้ำยาโดยใช้วัสดุอุปกรณ์จริง
- สรุปการเรียนการสอน ตอบปัญหาข้อสงสัยของผู้เรียน
ค่าเรียน 2 วัน 2,675 บาท
เปิดสอนรุ่นต่อไป วันที่ 3-4 เมษายน 2553...อย่าพลาด!
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07085150453&srcday=&search=no
สู่เส้นทางเศรษฐีกับศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน
วันที่ วิชา ค่าอบรม (บาท)
24 เม.ย 2553
_ การจัดดอกไม้และการเปิดร้าน (2 วัน) (วันที่ 1/ทรงสามเหลี่ยม ช่อมือถือ) 3,210
_ ปาท่องโก๋ สังขยา และน้ำเต้าหู้ 10 เครื่อง (สูตรโซ๊ยตี๋-ตลาดคลองขวาง) 2,675
_ ช่างซ่อมนาฬิกาและการเปิดร้าน (2 วัน) 2,675
_ ลอดช่องสิงคโปร์และทับทิมกรอบ (สูตรการค้า-อ.นิรันดร์) 1,605
_ ปลาหมึกย่างและน้ำจิ้มรสเด็ด (แถมน้ำจิ้มสุกี้) 1,605
_ น้ำผลไม้ปั่นเกล็ดหิมะระบบอุตสาหกรรม (แถมการทำวิปปิ้งครีมโรยหน้า) 1,605
_ ข้าวหมูแดง หมูกรอบ (สูตรเจ๊ดา) 1,605
_ ขนมจีน 4 น้ำ (น้ำเงี้ยว เขียวหวาน น้ำพริก และน้ำยากะทิ) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ซุปเปอร์ขาไก่ (อ.วงเดือน) 1,605
25 เม.ย 2553
_ โรตีสูตรนิ่ม ไส้ผลไม้ต่างๆ (ลูกเกด กล้วยหอม ขนุน ทุเรียน ฯลฯ) 1,605
_ ส้มตำไฮโซและการเปิดร้าน (10 รายการ-ร้านครัววงเดือน) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เนื้อตุ๋น ซี่โครงหมูตุ๋นเมืองทอง 1,605
_ ขนมรังผึ้ง วอฟเฟิลไส้กรอก (ร้านนายผล) 1,284
_ กาแฟโบราณและเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้อง 1,284
_ ช่างซ่อมนาฬิกาและการเปิดร้าน (2 วัน) -
_ การจัดดอกไม้และการเปิดร้าน (2 วัน) (วันที่ 2/กระเช้าดอกไม้ ดอกไม้ช่อยาว) -
01 พ.ค. 2553
_ ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาสและผลิตภัณฑ์ (2 วัน) 2,675
_ เครปญี่ปุ่น (สูตรแป้งกรอบ)+โดรายากิ (แพนเค้กญี่ปุ่น)+โตเกียว+แพนเค้กการ์ตูน (อ.บัณฑวรรณ) 2,140
_ อาหารญี่ปุ่น 1 (ข้าวห่อสาหร่ายต่างๆ แคลิฟอร์เนียมากิ และข้าวปั้นหน้าต่างๆ) 2,140
_ แซนด์วิชยอดนินม 10 ไส้ (สูตร ม.ล.อุบล) 1,605
_ หมูปิ้งเมืองทอง (สูตรชุบชีวิต) 1,605
_ สเต็ก 39 บาทและโอกาสธุรกิจ 1,605
_ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ (สูตรใส่พริกแกง) 1,605
_ กาแฟโบราณเชิงบูรณาการ (กาแฟผสมเครื่องดื่มชนิดต่างๆ+นมโคตุ๋น+ขนมปังสัขยา-สูตร อ.เชษฐา) 1,605
_ กะหรี่ปั๊บงาดำ 4 ไส้ (ต้นตำรับโรงเรียนชุมชนวัดดงยาง) 1,605
02 พ.ค. 2553
_ ขนมปังญี่ปุ่น 10 ไส้ (ข้าวโพดถั่วลันเตา ไส้กรอกชีสสติ๊ก เบคอนชีส ทูน่าโรล ฯลฯ - อ.บัณฑวรรณ) 2,140
_ เหล้าปั่นและน้ำผลไม้ปั่นสมูธตี้ (แถมน้ำอัดลมโบราณ) 1,605
_ เทคนิคการพิมพ์สกรีนเสื้อผ้าสไตล์ต่างๆ (น้อยโปรอาร์ต) 1,605
_ สาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ (ร้านคุณอุบล โรงกรองน้ำบางซื่อ) 1,605
_ บัวลอยกะทิสด น้ำขิง และบัวลอยแต้จิ๋ว (5 สีธรรมชาติ-สูตร อ.จินดามาศ) 1,605
_ ข้าวมันไก่ฮ่องเต้ (น้ำจิ้มสูตรมหัศจรรย์) 1,605
_ ข้าวทอดยำแหนมสด (เจ้าเก่าตลาดบางใหญ่) 1,605
_ ขนมกุยช่วยตลาดพลู (กู๋เล็กสูตรดั้งเดิม) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นและเป็ดพะโล้ (สูตรเจ๊ดา-เจ้าเก่าเซ็นต์หลุยส์) 1,605
_ ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาสและผลิตภัณฑ์ (2 วัน) -
08 พ.ค. 2553
_ ช่างซ่อมรองเท้าและการเปิดร้าน (2 วัน) 2,675
_ ช่างกุญแจและการเปิดร้าน (2 วัน) 2,675
_ พายทอดไส้สับปะรด โดนัทชูว์ไวท์ครีมนมสด (อ.บัณฑวรรณ) 2,140
_ น้ำพริกกระปุก 8 รายการ (ครูตุ๊ก-น้ำพริกตาแดง แมงดา ปลากรอบ มะขาม ฯลฯ) 2,140
_ หมูเส้นยุวนิจ (แถมสูตรหมูฝอยและหมูสวรรค์) 1,605
_ ประดิษฐ์ของชำร่วยจากเรซิ่นและพิมพ์ยางเบื้องต้น 1,605
_ บักกุ๊ดเต๋ สูตรมาเลย์-สิงคโปร์ (อ.พันธ์) 1,605
_ ข้าวหมูแดงหมูกรอบเมืองทอง (สูตรใส่โอเลี้ยง) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา (สูตรโบราณ) 1,605
09 พ.ค. 2553
_ หมูสะเต๊ะ (มิตรไชยหมูสะเต๊ะ-สูตรลับทหารอากาศ) 2,140
_ หมูและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมู (ลูกชิ้นหมู ไส้อั่ว ไส้กรอกอีสาน) 1,605
_ ส้มตำไฮโซและการเปิดร้าน (10 รายการ-ร้านครัววงเดือน) 1,605
_ วุ้นเค้กสไตล์ต่างๆ (สูตรสองพี่น้อง-แถมวุ้นลำไยแห้ง) 1,605
_ ขนมไทย 1 (ขนมนี่ง 4 รายการ/ขนมกล้วย ฟักทอง ขนมชั้น และมันสำปะหลัง) 1,605
_ ขนมโป๊งเหน่งและโดนัทสูตรแป้งนุ่ม 4 ไส้ (สูตรการค้า) 1,605
_ ขนมลูกชุบ 10 รูปแบบ (ส้ม เชอร์รี่ ชุมพู่เพชรบุรี มะยม มะปราง ฯลฯ) 1,605
_ โอกาสธุรกิจศูนย์บริการงานด่วน (จุดชำระเงิน-ศูนย์ถ่ายเอกสาร-ปณ.เอกชน) 1,284
_ ช่างซ่อมรองเท้าและการเปิดร้าน (2 วัน) -
_ ช่างกุญแจและการเปิดร้าน (2 วัน) -
15 พ.ค. 2553
_ การจัดดอกไม้ขั้นพื้นฐานและนอกสถานที่ในโอกาสต่างๆ (2 วัน) (วันที่1/แจกันทรงสูง-เตี้ย กระเช้าดอกไม้ เชิงเทียน ช่อดอกไม้) 4,280
_ พิมพ์ยางซิลิโคนเพื่องานหล่อต่างๆ และเรซิ่นเบื้องต้น (2 วัน) 2,675
_ ซาลาเปาทับหลีและขนมจีบเศรษฐี (สูตรโกซิน-ระนอง) 2,675
_ ไอศกรีมชาวบ้าน (กะทิสด มะพร้าวอ่อน รวมมิตร ฯลฯ) 1,605
_ เย็นตาโฟสูตรโบราณและต้มยำมะนาว (ร้านกะลานู้ดเดิ้ล) 1,605
_ ปาท่องโก๋ 5 สูตรยอดนิยม (สูตรมหาชัย สูตรตีลังกา สูตรเสวยแบ (คู่ ฯลฯ) 1,605
_ ธุรกิจกาแฟสดสไตล์คนรุ่นใหม่ (COFFEE MAKER) 1,605
_ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ (สูตรใส่พริกแกง) 1,605
_ ขนมเบื้องชาววัง 5 ไส้ (ไส้ฝอยทอง หน้ากุ้ง เผือก ลูกเกด สังขยาใบเตย) 1,605
16 พ.ค. 2553
_ เค้กคัสตาร์ดชาไทย เค้กหน้าส้มยอดนิยม (อ.บัณฑวรรณ) 2,140
_ น้ำสลัด 10 รายการ (น้ำข้น น้ำใส วาซาบิ โยเกิร์ต เทบันยากิ ฯลฯ) 2,140
_ แซนด์วิชยอดนิยม 10 ไส้ (สูตร ม.ล.อุบล) 1,605
_ น้ำเต้าหู้ 3 สูตร เต้าฮวยน้ำขิง ปาท่องโก๋กรอบ 1,605
_ ขนมตาลและขนมถ้วยตะไล (สูตรพระนครใต้ อ.ลดาวัลย์) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เนื้อตุ๋น ซี่โครงหมูตุ๋นเมืองทอง 1,605
_ กรอบรูปไม้และการเปิดร้าน 1,605
_ กาแฟโบราณและเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้อง 1,284
_ พิมพ์ยางซิลิโคนเพื่องานหล่อต่างๆ และเรซิ่นเบื้องต้น (2 วัน) -
_ การจัดดอกไม้ขั้นพื้นฐานและนอกสถานที่ในโอกาสต่างๆ (2 วัน) (วันที่2/ซุ้มแต่งงาน เข็มกลัดติดเสื้อ โบว์เดี่ยว ดอกไม้หน้าศพ พวงหรีด) -
* ราคาดังกล่าว รวมอุปกรณ์ เอกสารพร้อมบริการอาหารกลางวันและอาหารว่าง
ผู้สนใจ สมัครโดย โทร.จองที่นั่งก่อน และโอนเงิน (ตามจำนวนที่ระบุท้ายวิชา)
เข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยประชานิเวศน์ 1 เลขที่บัญชี 737-2-13905-0
(ส่งหลักฐานการโอน พร้อมระบุให้ชัดเจนว่า เรียนวิชาอะไร วันไหน แฟกซ์ 0-2580-4030)
หรือสอบถามรายละเอียดที่ คุณณัฐสมน
โทร.02-589-2222, 02-589-0492, 02-954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102, 2103
(จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น.) แผนที่มาศูนย์อบรมวิชาชีพ (อยู่ที่เดียวกับข่าวสด)
แต่ละวิชา อบรมวันเดียวจบ (09.00-16.00น.) สถานที่เรียน ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน บริเวณ สนง.ข่าวสด ย่านประชานิเวศน์ 1
วิธีสมัครเข้ารับการอบรมวิชาชีพของศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน
โดย นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน และนิตยสารเส้นทางเศรษฐี
***ผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับวุฒิบัตรรับรอง***
ที่มา http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?siminar=2
24 เม.ย 2553
_ การจัดดอกไม้และการเปิดร้าน (2 วัน) (วันที่ 1/ทรงสามเหลี่ยม ช่อมือถือ) 3,210
_ ปาท่องโก๋ สังขยา และน้ำเต้าหู้ 10 เครื่อง (สูตรโซ๊ยตี๋-ตลาดคลองขวาง) 2,675
_ ช่างซ่อมนาฬิกาและการเปิดร้าน (2 วัน) 2,675
_ ลอดช่องสิงคโปร์และทับทิมกรอบ (สูตรการค้า-อ.นิรันดร์) 1,605
_ ปลาหมึกย่างและน้ำจิ้มรสเด็ด (แถมน้ำจิ้มสุกี้) 1,605
_ น้ำผลไม้ปั่นเกล็ดหิมะระบบอุตสาหกรรม (แถมการทำวิปปิ้งครีมโรยหน้า) 1,605
_ ข้าวหมูแดง หมูกรอบ (สูตรเจ๊ดา) 1,605
_ ขนมจีน 4 น้ำ (น้ำเงี้ยว เขียวหวาน น้ำพริก และน้ำยากะทิ) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ซุปเปอร์ขาไก่ (อ.วงเดือน) 1,605
25 เม.ย 2553
_ โรตีสูตรนิ่ม ไส้ผลไม้ต่างๆ (ลูกเกด กล้วยหอม ขนุน ทุเรียน ฯลฯ) 1,605
_ ส้มตำไฮโซและการเปิดร้าน (10 รายการ-ร้านครัววงเดือน) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เนื้อตุ๋น ซี่โครงหมูตุ๋นเมืองทอง 1,605
_ ขนมรังผึ้ง วอฟเฟิลไส้กรอก (ร้านนายผล) 1,284
_ กาแฟโบราณและเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้อง 1,284
_ ช่างซ่อมนาฬิกาและการเปิดร้าน (2 วัน) -
_ การจัดดอกไม้และการเปิดร้าน (2 วัน) (วันที่ 2/กระเช้าดอกไม้ ดอกไม้ช่อยาว) -
01 พ.ค. 2553
_ ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาสและผลิตภัณฑ์ (2 วัน) 2,675
_ เครปญี่ปุ่น (สูตรแป้งกรอบ)+โดรายากิ (แพนเค้กญี่ปุ่น)+โตเกียว+แพนเค้กการ์ตูน (อ.บัณฑวรรณ) 2,140
_ อาหารญี่ปุ่น 1 (ข้าวห่อสาหร่ายต่างๆ แคลิฟอร์เนียมากิ และข้าวปั้นหน้าต่างๆ) 2,140
_ แซนด์วิชยอดนินม 10 ไส้ (สูตร ม.ล.อุบล) 1,605
_ หมูปิ้งเมืองทอง (สูตรชุบชีวิต) 1,605
_ สเต็ก 39 บาทและโอกาสธุรกิจ 1,605
_ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ (สูตรใส่พริกแกง) 1,605
_ กาแฟโบราณเชิงบูรณาการ (กาแฟผสมเครื่องดื่มชนิดต่างๆ+นมโคตุ๋น+ขนมปังสัขยา-สูตร อ.เชษฐา) 1,605
_ กะหรี่ปั๊บงาดำ 4 ไส้ (ต้นตำรับโรงเรียนชุมชนวัดดงยาง) 1,605
02 พ.ค. 2553
_ ขนมปังญี่ปุ่น 10 ไส้ (ข้าวโพดถั่วลันเตา ไส้กรอกชีสสติ๊ก เบคอนชีส ทูน่าโรล ฯลฯ - อ.บัณฑวรรณ) 2,140
_ เหล้าปั่นและน้ำผลไม้ปั่นสมูธตี้ (แถมน้ำอัดลมโบราณ) 1,605
_ เทคนิคการพิมพ์สกรีนเสื้อผ้าสไตล์ต่างๆ (น้อยโปรอาร์ต) 1,605
_ สาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ (ร้านคุณอุบล โรงกรองน้ำบางซื่อ) 1,605
_ บัวลอยกะทิสด น้ำขิง และบัวลอยแต้จิ๋ว (5 สีธรรมชาติ-สูตร อ.จินดามาศ) 1,605
_ ข้าวมันไก่ฮ่องเต้ (น้ำจิ้มสูตรมหัศจรรย์) 1,605
_ ข้าวทอดยำแหนมสด (เจ้าเก่าตลาดบางใหญ่) 1,605
_ ขนมกุยช่วยตลาดพลู (กู๋เล็กสูตรดั้งเดิม) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นและเป็ดพะโล้ (สูตรเจ๊ดา-เจ้าเก่าเซ็นต์หลุยส์) 1,605
_ ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาสและผลิตภัณฑ์ (2 วัน) -
08 พ.ค. 2553
_ ช่างซ่อมรองเท้าและการเปิดร้าน (2 วัน) 2,675
_ ช่างกุญแจและการเปิดร้าน (2 วัน) 2,675
_ พายทอดไส้สับปะรด โดนัทชูว์ไวท์ครีมนมสด (อ.บัณฑวรรณ) 2,140
_ น้ำพริกกระปุก 8 รายการ (ครูตุ๊ก-น้ำพริกตาแดง แมงดา ปลากรอบ มะขาม ฯลฯ) 2,140
_ หมูเส้นยุวนิจ (แถมสูตรหมูฝอยและหมูสวรรค์) 1,605
_ ประดิษฐ์ของชำร่วยจากเรซิ่นและพิมพ์ยางเบื้องต้น 1,605
_ บักกุ๊ดเต๋ สูตรมาเลย์-สิงคโปร์ (อ.พันธ์) 1,605
_ ข้าวหมูแดงหมูกรอบเมืองทอง (สูตรใส่โอเลี้ยง) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา (สูตรโบราณ) 1,605
09 พ.ค. 2553
_ หมูสะเต๊ะ (มิตรไชยหมูสะเต๊ะ-สูตรลับทหารอากาศ) 2,140
_ หมูและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมู (ลูกชิ้นหมู ไส้อั่ว ไส้กรอกอีสาน) 1,605
_ ส้มตำไฮโซและการเปิดร้าน (10 รายการ-ร้านครัววงเดือน) 1,605
_ วุ้นเค้กสไตล์ต่างๆ (สูตรสองพี่น้อง-แถมวุ้นลำไยแห้ง) 1,605
_ ขนมไทย 1 (ขนมนี่ง 4 รายการ/ขนมกล้วย ฟักทอง ขนมชั้น และมันสำปะหลัง) 1,605
_ ขนมโป๊งเหน่งและโดนัทสูตรแป้งนุ่ม 4 ไส้ (สูตรการค้า) 1,605
_ ขนมลูกชุบ 10 รูปแบบ (ส้ม เชอร์รี่ ชุมพู่เพชรบุรี มะยม มะปราง ฯลฯ) 1,605
_ โอกาสธุรกิจศูนย์บริการงานด่วน (จุดชำระเงิน-ศูนย์ถ่ายเอกสาร-ปณ.เอกชน) 1,284
_ ช่างซ่อมรองเท้าและการเปิดร้าน (2 วัน) -
_ ช่างกุญแจและการเปิดร้าน (2 วัน) -
15 พ.ค. 2553
_ การจัดดอกไม้ขั้นพื้นฐานและนอกสถานที่ในโอกาสต่างๆ (2 วัน) (วันที่1/แจกันทรงสูง-เตี้ย กระเช้าดอกไม้ เชิงเทียน ช่อดอกไม้) 4,280
_ พิมพ์ยางซิลิโคนเพื่องานหล่อต่างๆ และเรซิ่นเบื้องต้น (2 วัน) 2,675
_ ซาลาเปาทับหลีและขนมจีบเศรษฐี (สูตรโกซิน-ระนอง) 2,675
_ ไอศกรีมชาวบ้าน (กะทิสด มะพร้าวอ่อน รวมมิตร ฯลฯ) 1,605
_ เย็นตาโฟสูตรโบราณและต้มยำมะนาว (ร้านกะลานู้ดเดิ้ล) 1,605
_ ปาท่องโก๋ 5 สูตรยอดนิยม (สูตรมหาชัย สูตรตีลังกา สูตรเสวยแบ (คู่ ฯลฯ) 1,605
_ ธุรกิจกาแฟสดสไตล์คนรุ่นใหม่ (COFFEE MAKER) 1,605
_ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ (สูตรใส่พริกแกง) 1,605
_ ขนมเบื้องชาววัง 5 ไส้ (ไส้ฝอยทอง หน้ากุ้ง เผือก ลูกเกด สังขยาใบเตย) 1,605
16 พ.ค. 2553
_ เค้กคัสตาร์ดชาไทย เค้กหน้าส้มยอดนิยม (อ.บัณฑวรรณ) 2,140
_ น้ำสลัด 10 รายการ (น้ำข้น น้ำใส วาซาบิ โยเกิร์ต เทบันยากิ ฯลฯ) 2,140
_ แซนด์วิชยอดนิยม 10 ไส้ (สูตร ม.ล.อุบล) 1,605
_ น้ำเต้าหู้ 3 สูตร เต้าฮวยน้ำขิง ปาท่องโก๋กรอบ 1,605
_ ขนมตาลและขนมถ้วยตะไล (สูตรพระนครใต้ อ.ลดาวัลย์) 1,605
_ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เนื้อตุ๋น ซี่โครงหมูตุ๋นเมืองทอง 1,605
_ กรอบรูปไม้และการเปิดร้าน 1,605
_ กาแฟโบราณและเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้อง 1,284
_ พิมพ์ยางซิลิโคนเพื่องานหล่อต่างๆ และเรซิ่นเบื้องต้น (2 วัน) -
_ การจัดดอกไม้ขั้นพื้นฐานและนอกสถานที่ในโอกาสต่างๆ (2 วัน) (วันที่2/ซุ้มแต่งงาน เข็มกลัดติดเสื้อ โบว์เดี่ยว ดอกไม้หน้าศพ พวงหรีด) -
* ราคาดังกล่าว รวมอุปกรณ์ เอกสารพร้อมบริการอาหารกลางวันและอาหารว่าง
ผู้สนใจ สมัครโดย โทร.จองที่นั่งก่อน และโอนเงิน (ตามจำนวนที่ระบุท้ายวิชา)
เข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยประชานิเวศน์ 1 เลขที่บัญชี 737-2-13905-0
(ส่งหลักฐานการโอน พร้อมระบุให้ชัดเจนว่า เรียนวิชาอะไร วันไหน แฟกซ์ 0-2580-4030)
หรือสอบถามรายละเอียดที่ คุณณัฐสมน
โทร.02-589-2222, 02-589-0492, 02-954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102, 2103
(จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น.) แผนที่มาศูนย์อบรมวิชาชีพ (อยู่ที่เดียวกับข่าวสด)
แต่ละวิชา อบรมวันเดียวจบ (09.00-16.00น.) สถานที่เรียน ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน บริเวณ สนง.ข่าวสด ย่านประชานิเวศน์ 1
วิธีสมัครเข้ารับการอบรมวิชาชีพของศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน
โดย นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน และนิตยสารเส้นทางเศรษฐี
***ผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับวุฒิบัตรรับรอง***
ที่มา http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?siminar=2
สู่เส้นทางเศรษฐีกับศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน
สู่เส้นทางเศรษฐีกับศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน
อนุวัฒน์ สุขสมนาวุฒิ
ปักษ์นี้มีวิชาที่เกี่ยวกับอาหารการกินมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการจะมีอาชีพเป็นของตัวเอง เพราะวิชาที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นวิชาที่ทำง่ายขายคล่อง และคนทั่วไปรู้จักกันดี
นั่นคือ วิชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ และปีกไก่ตุ๋น ใช้เวลาเรียน 1 วัน ค่าเรียน 2,140 บาท สอนโดย อาจารย์ธนาชัย เหมอยู่สุข ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และความชำนาญในด้านการทำก๋วยเตี๋ยวเป็ดเป็นอย่างดี เรียกว่าสูตรนี้ได้รับมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษจนถึงรุ่นพ่อ และสืบต่อมาจนถึงรุ่นตัวเอง ทำขายจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ โดยเปิดร้านขายอยู่ที่ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนนอก เขตพญาไท กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ใกล้กับธนาคารกสิกรไทย สาขาสนามเป้า ใต้สถานีรถไฟฟ้าสนามเป้า หาได้ง่ายไม่ยาก เพราะเปิดขายอยู่ที่นี่มานานนับสิบปีแล้ว จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในเรื่องของความอร่อย ในนามของชื่อร้าน เหลาก๋วยเตี๋ยวเป็ด เปิดขายทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.00-15.00 น. โดยจะหยุดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ สามารถแวะมาชิมได้ก่อนที่จะตัดสินใจมาเรียน หรือจะโทรศัพท์ไปสอบถามทางกับทางร้านก่อนได้ที่ (02) 279-4881 และ (081) 642-5837
รับรองไม่ผิดหวังแน่ถ้าได้ไปชิม เพราะถ้าไม่อร่อยจริงคงไม่ได้มาเปิดสอนที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน อย่างแน่นอน
และมีคนที่เรียนจบจากวิชานี้ไปแล้ว นำไปทำขายกันหลายคน แต่ละคนประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น เพราะอาจารย์ผู้สอนจะสอนให้อย่างละเอียด ด้วยหลักการสอนดังต่อไปนี้
- แนะนำให้รู้ถึงภาพรวมของอาชีพนี้ และโอกาสทางการตลาด ตลอดจนบอกแหล่งที่หาซื้อวัสดุอุปกรณ์ วัตถุดิบและเครื่องปรุง
- แนะนำวิธีการเลือกซื้อเป็ดสด เลือด ปีกไก่ และสอนวิธีการล้างเป็ดให้สะอาดไม่มีกลิ่น
- สอนวิธีการปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยวเป็ดตามสูตรของร้าน (เหลาก๋วยเตี๋ยวเป็ด) และการทำพริกน้ำส้ม พริกป่น
- สอนวิธีการต้มเป็ดพะโล้ โดยใช้เครื่องปรุงสูตรเดียวกับร้านเหลาก๋วยเตี๋ยวเป็ด ต่อด้วยสอนการทำปีกไก่ตุ๋น
- สอนวิธีการจัดร้านให้สวยงาม เช่น การจัดตู้ก๋วยเตี๋ยว ถ้วยก๋วยเตี๋ยว และเครื่องปรุงต่างๆ ให้พร้อม
- สอนวิธีการสับเป็ด เลาะกระดูกเป็ดออก การลวกเส้น ลวกผัก และการปรุงก๋วยเตี๋ยวทีละชาม เพื่อการขาย
- สรุปผลการเรียนการสอน พร้อมตอบปัญหาข้อสงสัยของผู้ที่เรียน ตลอดจนแนะนำเรื่องการเปิดร้าน ทำเลที่จะเปิดร้าน การลงทุนเบื้องต้น ต้นทุนกำไร และข้อคิดเพื่อความสำเร็จในการเปิดร้าน
หลักการเรียนการสอนที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่อาจารย์ผู้สอนจะมาแนะนำและสอนให้อย่างละเอียด เพราะทุกคนที่สมัครมาเรียนกันนั้น ต้องการได้ความรู้กลับไปจริงๆ แบบชนิดที่เรียกว่ากลับไปต้องทำให้ได้ เพราะบางคนเตรียมวัสดุอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะเดินทางมาเรียน ด้วยความมั่นใจว่าเรียนจบแล้วจะได้ความรู้ของวิชานี้ไปประกอบอาชีพอย่างจริงจัง และมีหลายคนที่มาเรียนในรุ่นนี้มั่นใจว่าทำได้ เนื่องจากเคยมาเรียนวิชาอื่นๆ แล้ว และนำไปประกอบอาชีพจนกระทั่งประสบความสำเร็จ และกลับมาเรียนวิชานี้เพิ่มเติม เพื่อนำไปทำขายที่ร้าน เป็นการเพิ่มเมนูในร้านอีกเมนูหนึ่ง
เหมือนกับชายหนุ่มคนนี้ที่มีชื่อว่า คุณศักรินทร์ สัจจะหฤทัย อยู่บ้านเลขที่ 128/53 หมู่ 1 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทร. (082) 806-3513 ที่มีความรักในอาชีพด้านการค้าขายอาหารเป็นอย่างมาก ถึงกับสละเวลาเดินทางมาเรียนด้วยตัวเองถึง 10 กว่าวิชาด้วยกัน แต่จะเรียนเพื่อนำไปทำประโยชน์อะไรนั้น ต้องลองมาสอบถามชายหนุ่มคนนี้ดูกันว่า มาเรียนทำไมตั้งหลายวิชา ทั้งๆ ที่ระยะทางในการเดินทางก็ไกลแสนไกล
คุณศักรินทร์ เล่าให้ฟังว่า เดินทางมาเรียนกับศูนย์อาชีพฯ ตั้งแต่ปี 2548 เริ่มตั้งแต่วิชาน้ำผลไม้สมุนไพรบรรจุขวด ข้าวมันไก่ฮ่องเต้ และวิชาอื่นๆ ต่อมาเรื่อยๆ จนมาถึงวิชาล่าสุดคือ วิชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้และปีกไก่ตุ๋น ส่วนวิชาที่เรียนต่อจากข้าวมันไก่อีกหลายวิชาที่ไม่ได้กล่าวถึงนั้น เพราะยังไม่มีโอกาสนำความรู้ในวิชาเหล่านั้นไปทำขาย เพียงเรียนแค่เก็บวิชาความรู้ไว้ เพื่อมีโอกาสในวันข้างหน้าอาจจะนำมาทำขายได้อีก
แต่วิชาที่เรียนจบแล้วนำความรู้กลับไปทำขายเลยนั้น มีวิชาน้ำผลไม้กับข้าวมันไก่ เริ่มขายตั้งแต่เรียนจบมาใหม่ๆ ปี 2548 โดยขายอยู่ที่บ้านในช่วงแรกๆ แต่ต่อมาได้ย้ายมาเช่าแผงขายอยู่ที่ตลาดแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ แต่ที่ตลาดแห่งนี้จะขายเฉพาะข้าวมันไก่กับข้าวหมูแดงเท่านั้น เพราะทางตลาดไม่อนุญาตให้ขาย เนื่องจากมีคนอื่นขายอยู่แล้ว เลยขายแค่ 2 อย่าง แต่จริงๆ ถ้าจะให้ขายน้ำด้วยคงขายไม่ไหวเช่นกัน เพราะแค่ข้าวมันไก่กับข้าวหมูแดง ทุกวันนี้ยังทำไม่ทันเลย ขนาดใช้เวลาขายแค่ 3 ชั่วโมง ในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 06.00-09.00 น. ทั้ง 3 ชั่วโมงที่ทำขายกันอยู่นั้นแทบไม่ได้พักเลย เพราะบางทีลูกค้ามารอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด และมีบางครั้งมาเข้าคิวรอกัน เรียกว่าขายหมดทุกวันไม่เคยเหลือ ลูกค้าส่วนมากมีแต่ลูกค้าประจำ เพราะแต่ละคนที่มาซื้อจะบอกว่าอร่อยมาก เลยทำให้ต้องขายทุกวันไม่มีวันหยุด
ส่วนที่เดินทางมาเรียนวิชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดในครั้งนี้ เพื่อจะนำไปทำขายร่วมกับข้าวมันไก่ หรืออาจจะทำเป็นแบบข้าวหน้าเป็ดก่อนก็ได้ เพราะอาหารทุกอย่างที่เรียนไปเราสามารถนำไปดัดแปลงได้ โดยเฉพาะวิชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดสูตรนี้ ทำขายได้หลายอย่าง แล้วแต่คนเรียนจะนำไปทำ เพราะทางอาจารย์ผู้สอนได้แนะนำให้หมดทุกอย่าง ทั้งเทคนิคและเคล็ดลับต่างๆ จนกระทั่งผู้ที่เรียนทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ทำให้ต้องเดินทางมาเรียนวิชาชีพกับ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน เพราะมั่นใจในการเรียนการสอน ว่าเมื่อเรียนจบแล้วต้องทำได้แน่นอน
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07085150453&srcday=&search=no
อนุวัฒน์ สุขสมนาวุฒิ
ปักษ์นี้มีวิชาที่เกี่ยวกับอาหารการกินมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการจะมีอาชีพเป็นของตัวเอง เพราะวิชาที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นวิชาที่ทำง่ายขายคล่อง และคนทั่วไปรู้จักกันดี
นั่นคือ วิชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ และปีกไก่ตุ๋น ใช้เวลาเรียน 1 วัน ค่าเรียน 2,140 บาท สอนโดย อาจารย์ธนาชัย เหมอยู่สุข ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และความชำนาญในด้านการทำก๋วยเตี๋ยวเป็ดเป็นอย่างดี เรียกว่าสูตรนี้ได้รับมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษจนถึงรุ่นพ่อ และสืบต่อมาจนถึงรุ่นตัวเอง ทำขายจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ โดยเปิดร้านขายอยู่ที่ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนนอก เขตพญาไท กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ใกล้กับธนาคารกสิกรไทย สาขาสนามเป้า ใต้สถานีรถไฟฟ้าสนามเป้า หาได้ง่ายไม่ยาก เพราะเปิดขายอยู่ที่นี่มานานนับสิบปีแล้ว จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในเรื่องของความอร่อย ในนามของชื่อร้าน เหลาก๋วยเตี๋ยวเป็ด เปิดขายทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.00-15.00 น. โดยจะหยุดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ สามารถแวะมาชิมได้ก่อนที่จะตัดสินใจมาเรียน หรือจะโทรศัพท์ไปสอบถามทางกับทางร้านก่อนได้ที่ (02) 279-4881 และ (081) 642-5837
รับรองไม่ผิดหวังแน่ถ้าได้ไปชิม เพราะถ้าไม่อร่อยจริงคงไม่ได้มาเปิดสอนที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน อย่างแน่นอน
และมีคนที่เรียนจบจากวิชานี้ไปแล้ว นำไปทำขายกันหลายคน แต่ละคนประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น เพราะอาจารย์ผู้สอนจะสอนให้อย่างละเอียด ด้วยหลักการสอนดังต่อไปนี้
- แนะนำให้รู้ถึงภาพรวมของอาชีพนี้ และโอกาสทางการตลาด ตลอดจนบอกแหล่งที่หาซื้อวัสดุอุปกรณ์ วัตถุดิบและเครื่องปรุง
- แนะนำวิธีการเลือกซื้อเป็ดสด เลือด ปีกไก่ และสอนวิธีการล้างเป็ดให้สะอาดไม่มีกลิ่น
- สอนวิธีการปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยวเป็ดตามสูตรของร้าน (เหลาก๋วยเตี๋ยวเป็ด) และการทำพริกน้ำส้ม พริกป่น
- สอนวิธีการต้มเป็ดพะโล้ โดยใช้เครื่องปรุงสูตรเดียวกับร้านเหลาก๋วยเตี๋ยวเป็ด ต่อด้วยสอนการทำปีกไก่ตุ๋น
- สอนวิธีการจัดร้านให้สวยงาม เช่น การจัดตู้ก๋วยเตี๋ยว ถ้วยก๋วยเตี๋ยว และเครื่องปรุงต่างๆ ให้พร้อม
- สอนวิธีการสับเป็ด เลาะกระดูกเป็ดออก การลวกเส้น ลวกผัก และการปรุงก๋วยเตี๋ยวทีละชาม เพื่อการขาย
- สรุปผลการเรียนการสอน พร้อมตอบปัญหาข้อสงสัยของผู้ที่เรียน ตลอดจนแนะนำเรื่องการเปิดร้าน ทำเลที่จะเปิดร้าน การลงทุนเบื้องต้น ต้นทุนกำไร และข้อคิดเพื่อความสำเร็จในการเปิดร้าน
หลักการเรียนการสอนที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่อาจารย์ผู้สอนจะมาแนะนำและสอนให้อย่างละเอียด เพราะทุกคนที่สมัครมาเรียนกันนั้น ต้องการได้ความรู้กลับไปจริงๆ แบบชนิดที่เรียกว่ากลับไปต้องทำให้ได้ เพราะบางคนเตรียมวัสดุอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะเดินทางมาเรียน ด้วยความมั่นใจว่าเรียนจบแล้วจะได้ความรู้ของวิชานี้ไปประกอบอาชีพอย่างจริงจัง และมีหลายคนที่มาเรียนในรุ่นนี้มั่นใจว่าทำได้ เนื่องจากเคยมาเรียนวิชาอื่นๆ แล้ว และนำไปประกอบอาชีพจนกระทั่งประสบความสำเร็จ และกลับมาเรียนวิชานี้เพิ่มเติม เพื่อนำไปทำขายที่ร้าน เป็นการเพิ่มเมนูในร้านอีกเมนูหนึ่ง
เหมือนกับชายหนุ่มคนนี้ที่มีชื่อว่า คุณศักรินทร์ สัจจะหฤทัย อยู่บ้านเลขที่ 128/53 หมู่ 1 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทร. (082) 806-3513 ที่มีความรักในอาชีพด้านการค้าขายอาหารเป็นอย่างมาก ถึงกับสละเวลาเดินทางมาเรียนด้วยตัวเองถึง 10 กว่าวิชาด้วยกัน แต่จะเรียนเพื่อนำไปทำประโยชน์อะไรนั้น ต้องลองมาสอบถามชายหนุ่มคนนี้ดูกันว่า มาเรียนทำไมตั้งหลายวิชา ทั้งๆ ที่ระยะทางในการเดินทางก็ไกลแสนไกล
คุณศักรินทร์ เล่าให้ฟังว่า เดินทางมาเรียนกับศูนย์อาชีพฯ ตั้งแต่ปี 2548 เริ่มตั้งแต่วิชาน้ำผลไม้สมุนไพรบรรจุขวด ข้าวมันไก่ฮ่องเต้ และวิชาอื่นๆ ต่อมาเรื่อยๆ จนมาถึงวิชาล่าสุดคือ วิชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้และปีกไก่ตุ๋น ส่วนวิชาที่เรียนต่อจากข้าวมันไก่อีกหลายวิชาที่ไม่ได้กล่าวถึงนั้น เพราะยังไม่มีโอกาสนำความรู้ในวิชาเหล่านั้นไปทำขาย เพียงเรียนแค่เก็บวิชาความรู้ไว้ เพื่อมีโอกาสในวันข้างหน้าอาจจะนำมาทำขายได้อีก
แต่วิชาที่เรียนจบแล้วนำความรู้กลับไปทำขายเลยนั้น มีวิชาน้ำผลไม้กับข้าวมันไก่ เริ่มขายตั้งแต่เรียนจบมาใหม่ๆ ปี 2548 โดยขายอยู่ที่บ้านในช่วงแรกๆ แต่ต่อมาได้ย้ายมาเช่าแผงขายอยู่ที่ตลาดแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ แต่ที่ตลาดแห่งนี้จะขายเฉพาะข้าวมันไก่กับข้าวหมูแดงเท่านั้น เพราะทางตลาดไม่อนุญาตให้ขาย เนื่องจากมีคนอื่นขายอยู่แล้ว เลยขายแค่ 2 อย่าง แต่จริงๆ ถ้าจะให้ขายน้ำด้วยคงขายไม่ไหวเช่นกัน เพราะแค่ข้าวมันไก่กับข้าวหมูแดง ทุกวันนี้ยังทำไม่ทันเลย ขนาดใช้เวลาขายแค่ 3 ชั่วโมง ในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 06.00-09.00 น. ทั้ง 3 ชั่วโมงที่ทำขายกันอยู่นั้นแทบไม่ได้พักเลย เพราะบางทีลูกค้ามารอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด และมีบางครั้งมาเข้าคิวรอกัน เรียกว่าขายหมดทุกวันไม่เคยเหลือ ลูกค้าส่วนมากมีแต่ลูกค้าประจำ เพราะแต่ละคนที่มาซื้อจะบอกว่าอร่อยมาก เลยทำให้ต้องขายทุกวันไม่มีวันหยุด
ส่วนที่เดินทางมาเรียนวิชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดในครั้งนี้ เพื่อจะนำไปทำขายร่วมกับข้าวมันไก่ หรืออาจจะทำเป็นแบบข้าวหน้าเป็ดก่อนก็ได้ เพราะอาหารทุกอย่างที่เรียนไปเราสามารถนำไปดัดแปลงได้ โดยเฉพาะวิชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดสูตรนี้ ทำขายได้หลายอย่าง แล้วแต่คนเรียนจะนำไปทำ เพราะทางอาจารย์ผู้สอนได้แนะนำให้หมดทุกอย่าง ทั้งเทคนิคและเคล็ดลับต่างๆ จนกระทั่งผู้ที่เรียนทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ทำให้ต้องเดินทางมาเรียนวิชาชีพกับ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน เพราะมั่นใจในการเรียนการสอน ว่าเมื่อเรียนจบแล้วต้องทำได้แน่นอน
ที่มา http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07085150453&srcday=&search=no
พระร่วงหลังรางปืน เป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน

พระร่วงหลังรางปืน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย จักรพรรดิพระเครื่องเนื้อชิน
พระร่วงหลังรางปืน เป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน
จักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน ก็ต้องยกย่องให้แก่"พระร่วงหลังรางปืน" ซึ่งเป็นพระเครื่องเนื้อชินสนิมแดงที่หาได้ยากยิ่ง เนื่องจากจำนวนพระที่พบน้อยมากและพระที่พบจำนวนน้อยนั้นยังมีพระที่ชำรุดอีก ด้วย พระร่วงหลังรางปืนมีเอกลักษณ์ที่ด้านหลังเป็นร่องรางจึงเป็นที่มาของชื่อพระว่า พระร่วงรางปืนในเวลาต่อมา
พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระที่ถูกลักลอบขุดจากบริเวณพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เมืองเชลียง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย แต่เดิมพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุเป็นสถาปัตยกรรมสกุลช่างลพบุรี สร้างขึ้นเป็นพุทธาวาสโดยตรง ได้รับการปฏิสังขรณ์และแก้ไขดัดแปลงหลายครั้งหลายครา ทั้งในสมัยสุโขทัยและอยุธยา ต่อมาได้รับการขุดโดยกรมศิลปากรครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2497
ที่มาการค้นพบพระร่วงรางปืน
พระร่วงหลังรางปืนได้ถูกคนร้ายลักลอบขุดในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2499 เวลาประมาณตี 3 คณะของคนร้ายมี 4 คน ลักลอบขุดเจาะฐานพระพุทธรูปในพระวิหารด้านทิศตะวันตกขององค์พระปรางค์ และได้งัดเอาศิลาแลงออกไปประมาณ 8 ก้อน พบไหโบราณ 1 ใบ อยู่ในโพรงดินปนทรายลักษณะคล้ายหม้อทะนน หรือกระโถนเคลือบสีขาว สูงประมาณ 16 นิ้วเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 18 นิ้ว ภายในบรรจุพระพุทธรูปสกุลช่างลพบุรี 5 องค์ คือพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทรทรงเทริด เนื้อสำริด สูง 10 นิ้ว 1 องค์ พระพุทธรูปปางนาคปรก เนื้อสำริด หน้าตักกว้าง 3-4 นิ้ว 2 องค์ พระพุทธรูปนั่งในซุ้มเรือนแก้ว หน้าตักกว้าง 3-4 นิ้ว 2 องค์ และ พระร่วงรางปืน ประมาณ 240 องค์ ไหโบราณและพระพุทธรูปทั้งหมดต่อมาได้นำมาขายที่แถวๆ เวิ้งนครเกษม พระร่วงรางปืน ที่ได้ในครั้งนี้เป็นพระร่วงหลังรางปืนที่ชำรุดเสียประมาณ 50 องค์ ที่เหลืออยู่ก็ชำรุดเล็กน้อยตามขอบๆ ขององค์พระ พระที่สวยสมบูรณ์จริงๆ นับได้คงไม่เกิน 20 องค์ พระร่วงของกรุนี้เป็นพระเนื้อชินสนิมแดง ที่ด้านหลังพระร่วงกรุนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร่องราง เลยเป็นที่มาของชื่อ"พระร่วงหลังรางปืน" และมีบางองค์ที่เป็นแบบหลังตันแต่พบน้อย และที่ด้านหลังของพระจะเป็นรอยเส้นเสี้ยน หรือลายกาบหมากทุกองค์
ในตอนนั้นพวกที่ลักลอบขุดเจาะได้แบ่ง พระร่วงรางปืนกันไปตามส่วน และนำพระร่วงรางปืนออกมาจำหน่าย เมื่อมีข่าวแพร่สะพัดออกไปก็มีคนจากกรุงเทพฯ เดินทางไปเช่าหากันจนราคาพระสูงขึ้นเป็นอันมาก และพระก็ได้หมดไปในที่สุด พระร่วงรางปืน ที่พบของกรุนี้ในปัจจุบันได้แบ่งแยกออกเป็น พระร่วงหลังรางปืนพิมพ์ฐานสูงและพิมพ์ฐาน ต่ำ ข้อแตกต่างก็คือที่ฐานขององค์พระจะสูงและบางต่างกัน นอกนั้นรายละเอียดจะเหมือนๆ กัน ลักษณะร่องรางของด้านหลังก็ยังแบ่งออกได้เป็นแบบร่องรางแคบและแบบร่อง รางกว้าง ที่สำคัญพระร่วงหลังรางปืนจะปรากฏรอยเสี้ยนทั้งสองแบบ
เนื้อและสนิมของพระร่วงหลังรางปืน จะเป็นเนื้อตะกั่วสนิมแดง วรรณะของสนิมออกแดงแกมม่วงสลับไขขาว สีของสนิมแดงในพระของแท้จะมีสีไม่เสมอกันทั้งองค์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จะมีสีอ่อนแก่สลับกันไป ส่วน"พระร่วงหลังรางปืน"ของเทียมมักจะมีเสมอกันทั้งองค์ พื้นผิวสนิมมักจะแตกระแหงเป็นเส้นเล็กๆ คล้ายใยแมงมุม การแตกของสนิมมักแตกไปในทิศทางต่างๆ กันสลับซับซ้อน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสนิมแดงของแท้ที่ขึ้นเต็มเป็นปื้นมักจะเป็นเช่นนี้
วันนี้ก็ได้นำพระร่วงหลังรางปืน มาให้ชมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังครับ สังเกตและจดจำรายละเอียดกันดูนะครับว่าพระแท้ พระร่วงรางปืน นั้นเป็นอย่างไร ต่อไปท่านอาจจะได้พบเจอพระแท้ และอาจจะได้ครอบครอง"พระร่วงหลังรางปืน" พระแท้ๆ ก็เป็นได้นะครับ
ด้วยความจริงใจ แทน ท่าพระจันทร์
ที่มา ข่าวสด
http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538724987&Ntype=52
พระร่วงหลังรางปืน(พิมพ์หน้าหนุ่ม)กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย.





พระร่วงหลังรางปืน(พิมพ์หน้าหนุ่ม)
พระร่วงหลังรางปืน(พิมพ์หน้าหนุ่ม)กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย.
--------------------------------------
พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระเครื่องที่มีลักษณะประติมากรรมที่งดงาม สง่า ผึ่งผาย สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี นักนิยมพระเครื่องได้ให้ความสนใจพระร่วงหลังรางปืนนี้ไม่แพ้พระเครื่องชุด "องค์ไตรภาคี" เนื่องจากเป็นพระเครื่องที่มีขนาดยาว คือพิมพ์ใหญ่ ขนาดสูงประมาณ 8-9 เซนติเมตร และมีน้ำหนักมาก สตรีที่มีพระเครื่องนี้ไม่ใคร่นิยมคล้องคอ ยกเว้นบรรดาชายหรือพวกนักรบที่ชอบคล้องคอเพราะความสง่างาม
วัสดุที่ใช้สร้าง สร้างจากเนื้อชินตะกั่วดำโบราณจากเมืองสวรรคโลก เนื้อชินนี้เป็นเนื้อชินที่ได้รับความนิยมเรียกกันว่า "สนิมมันปู" ซึ่งจะเกาะอยู่ตามส่วนอื่น ๆ ขององค์พระ
พระพุทธลักษณะ เป็นพระยืนประทานพรเท่าที่พบมีอยู่ด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่มีขนาดสูงประมาณ 8-9 เซนติเมตร และส่วนกว้างประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ส่วนอีกพิมพ์หนึ่งคือพิมพ์เล็ก มีขนาดเล็กกว่าพิมพ์ใหญ่เล็กน้อย คือมีขนาดสูงประมาณ 4-4.5 เซนติเมตร มีส่วนกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร บริเวณด้านหลังขององค์พระมีลักษณะเป็นร่องจากฐานถึงบริเวณพระอังสะ (ไหล่) ขนาดของช่องกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร จึงนิยมเรียกกันว่า "หลังรางปืน" ด้านหน้าองค์พระสวมหมวกออกศึกแบบโบราณที่เรียกว่า "หมวกชีโบ" บางองค์จะมีสนิมแดงที่เรียกกันว่า "สนิมมันปู" จับอยู่ทั่วไป แต่บางองค์ก็แทบจะไม่เห็นสนิมจับเลยก็มี
สถานที่ขุดพบได้บริเวณเจดีย์โบราณ ณ วัดพระปรางค์ (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง) อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวนที่ขุดพบครั้งแรกนั้นมีประมาณ 400 องค์แต่บิ่นหักเสียส่วนมาก สำหรับราคาที่ให้เช่าบูชาในขณะนั้น องค์ละ 100 บาท ก็ยังหาผู้บูชาไม่ค่อยจะได้ (แต่สำหรับปัจจุบันองค์ที่มีสภาพสมบูรณ์ราคาจะสูงมาก) เนื่องจากมีจำนวนน้อย
วิธีสังเกตโดยทั่วไป เนื่องจากพระร่วงหลังรางปืนนี้สร้างขึ้นจากวัสดุที่เรียกว่า เนื้อชินตะกั่วดำโบราณพิเศษ จึงมีสนิมแดงที่เรียกว่า "สนิมมันปู" สนิมจะเกาะอยู่ตามขอบหรือบริเวณที่เป็นสันหรือส่วนที่เป็นฐานนูนอยู่โดยทั่ว ไป ลักษณะของสนิมจะจับแน่นในเนื้อองค์พระโดยทั่วไป แต่ในปัจจุบันพึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะปรากฏว่ามีผู้ทำเลียนแบบของเก่าโดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยทำการอบสนิมแดง โดยใช้เครื่องมือและสารเคมีเข้าช่วยทำให้เกิดสนิมแดงได้คล้ายคลึงกับของ จริงมาก และมักใช้น้ำมันและผงสีดำทาทับไว้จนทั่วเพื่ออำพรางสายตานักเลงดูพระรุ่น ใหม่
ด้านพุทธคุณนั้น กล่าวกันว่า พระร่วงหลังรางปืนนั้นมีอานิสงส์สูงส่งทางโชคลาภ แคล้วคลาด คงกระพัน และป้องกันไฟไหม้
---------------------------------------------------------
พระร่วงหลังรางปืน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุโขทัย
--------------------------------
พระ ร่วงหลังรางปืน หนึ่งในห้าอันดับยอดเยี่ยมชุดเบญจภาคียอดขุนพลเนื้อชิน แตกกรุออกมาประมาณไม่น้อยกว่า 48 ปี จากกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย บริเวณหน้าพระปรางค์องค์ใหญ่ พบพระจำนวนไม่น้อยกว่า 200 องค์ แต่ชำรุดไปเสียกว่าครึ่ง
พระร่วงหลังรางปืนเป็นศิลปะเขมรยุคบายน มีพุทธลักษณะเป็นพระยืนปางประทานพรอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ยอดซุ้มเป็นลายกนกแบบซุ้มกระจังเรือนแก้ว ด้านหลังมีลักษณะพิเศษคือ มีร่องกดลึกลงไปเป็นแนวยาวตลอดองค์พระ สมัยก่อนมักเรียกว่า "หลังกาบหมาก" ต่อมาได้ปรากฏพุทธคุณทางแคล้วคลาดจากภยันตรายในเรื่องปืน อีกทั้งร่องกาบหมากด้านหลังนั้นมีลักษณะคล้ายร่องปืนแก๊ป จึงเรียกกันต่อๆมาว่า "หลังรางปืน"
พระร่วงหลังรางปืน สร้างด้วยเนื้อตะกั่วเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เป็นเนื้อชินมีน้อยมากแต่ไม่มีเนื้อดินเลย (ผิวขององค์พระจะมีสีแดงเข้ม บางองค์ออกสีลูกหว้า) ลักษณะที่น่าสังเกตคือ(จะมีไขคลุมอีกชั้นหนึ่งและมีมากกว่าพระร่วงกรุอื่นๆ )ขนาดองค์สูงประมาณ 8 ซม. กว้างประมาณ 2.5 ซม. มีทั้งหมด 5 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ฐานสูง พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย พิมพ์แก้มปะ พิมพ์หน้าหนุ่ม และพิมพ์เล็ก
จากหนังสือเบญจมหามงคล ของ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย
------------------------------------------------------------
จังหวัด สุโขทัย
-------------------
สุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย อายุมากกว่า700ปี มีโบราณสถาน
เก่าแก่มากมายในบริเวณตัวเมืองเก่าสุโขทัย ซึ่งอยู่ห่างตัวเมือง12กม.
บรรดาปูชนียสถานต่างๆได้รับการบูรณะขุดแต่งอนุรักษ์ตามหลักวิชาการ ด้วยการสนับสนุนขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม(UNESCO) แห่งสหประชาชาติ
-----------------------------
วันเพ็ญเดือน12ทุกปีชาวสุโขทัยทั้งมวลได้จัดงานรำลึกถึงอดีตเมื่อ700ปี
ที่ผ่านมา เป็นงานประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟเป็นงานใหญ่ ผู้คนต่างชาติ
ต่างภาษา ต่างศาสนา เข้ามาเที่ยวในงานนี้อย่างล้นหลาม ในงานจะมีการประกวดกระทง นางนพมาศ จุดตะไลไฟพะเนียง และมีขบวนแห่ที่สวยงาม น่าชมยิ่งนัก
------------------------------
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยนั้นเป็นเขตเมืองเก่าสุโขทัย อยู่ห่างศาลากลางจังหวัดสุโขทัยไปทางตะวันตก12กม.
ภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์และโดยรอบมีซากโบราณสถานมากกว่า100แห่ง ที่สำคัญได้แก่พิพิธภัณฑ์สถาน แห่งชาติรามคำแหง จากตัวเมืองเดินทางข้ามแม่น้ำยมไปทางตะวันตก12กม. ก็จะถึงบริเวณเมืองเก่าสุโขทัยซึ่งเคยเป็น ศูนย์กลางอาณาจักรอันใหญ่โต รุ่งเรืองของชาวไทย มีโบราณวัตถุสมัยกรุงสุโขทัย อยู่ไม่ห่างจากเนินไปปราสาทพระร่วง และวัดมหาธาตุมากนัก วัดมหาธาตุเป็นที่ตั้งวัดใหญ่มีองค์พระเจดีย์มหาธาตุ ที่สร้างแปลกกว่าเจดีย์ใด เป็นศิลปะของ สุโขทัยแท้ เรียกว่าเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ด้านหน้ามีวิหารใหญ่เรียกว่าวิหาร11ห้อง ปัจจุบันปรักหักพังเหลือแต่เสาศิลา แลงใหญ่ ภายในเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพระศรีศากยะมุนี ซึ่งต่อมาในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้อันเชิญมาประดิษฐานที่วัดสุทัศน์ในกรุงเทพ จนถึงปัจจุบัน ลานวัดตรงองค์มหาธาตุด้านหนึ่ง ซึ่งมีตำนานกล่าวไว้ว่า ขอมดำดินมาพบพระร่วง ด้วยวาจาสิทธของพระร่วง ทำให้ขอมกลายเป็นหินอยู่ที่นั่น
-----------------------------------------------
ได้กล่าวเกริ่นถึงที่มาของกรุงสุโขทัยมาพอเป็นสังเขปแล้ว ขอวกกลับไปหาที่มาของพระร่วงหลังรางปืน ซึ่งเป็น พระเครื่องพิมพ์หนึ่งที่มีผู้คนนิยมเลื่อมใสเป็นอันมากนั้น น่าจะขุดพบที่วัดมหาธาตุอันเป็นที่ตั้งวัดใหญ่แต่กลับไปขุดพบ ที่วัดพระศรีมหาธาตุ(วัดพระปรางค์) อยู่เมืองสวรรคโลกโน่น ซึ่งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เป็นเมืองเก่า รุ่นเดียวกับกรุงสุโขทัย ตัวเมืองตั้งอยู่ บนฝั่งขวาแม่น้ำยม ตรงแก่งหลวง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองสวรรคโลก หรือเมืองเชลียง ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย
เมืองสวรรคโลกหรือเมืองเชลียงทั้งในอดีต และปัจจุบัน ก็อยู่ในเขตเมืองศรีสัชนาลัย ที่มีพระเจดีย์ทรงลังกา
องค์ใหญ่เป็นหลักของวัด ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นประดับอยู่โดยรอบทั้งหมด39เชือก นี่แหละคือที่พบพระร่วงหลังลิ่ม ที่เขาพูดกันว่า พระร่วงหลังลิ่มกรุช้างล้อม
สำหรับพระร่วงหลังรางปืนที่เห็นยืนปางประทานพรนั้เป็นพระร่วงที่สร้างด้วยเนื้อตะกั่วสนิมแดง นักนิยมสะสม พระเก่าๆหลายรายกล่าวกันว่าพบที่พระปรางค์เมืองสวรรคโลก จะอย่างไรก้อตามเชื่อคนเก่าไปก่อน
พระร่วงหลังรางปืนเป็นพระเครื่องชั้นยอดขุนพลและมีอันดับ เป็นพระทึ่มีการสร้างแตกต่างกัน2แบบพิมพ์คือ
1 แบบพระพักตร์โตฐานหนา
2 แบบพระพักตร์เรียวฐานบาง
พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระที่มีศิลปะสมัยลพบุรี มีหลังรางปืนเป็นเอกลักษณ์ประจำองค์พระ ทำให้ง่ายต่อการ เรียกขานเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีรางปืน หลังเรียบหรือหลังลายผ้ากด เขาเรียกพระร่วงลพบุรี เพราะเป็นพระพิมพ์เดียวกัน
สำหรับการเรียกขานชื่อพระเครื่องนั้นโดยมากจะตั้งชื่อกรุตามความพอใจของขุดพบแต่ละที่ แต่ละแห่ง
มูลเหตุของพระร่วงหลังรางปืน ที่มีความสมบูรณ์แบบ คมชัด และไม่เว้าหรือแหว่ง เพราะเหตุว่าการเทหรือการหล่อ ของช่างใช้วิธีใช้แม่พิมพ์ไม้กดด้านหลัง โดยใช้แม่พิมพ์ 2 ชนิด (ตัวผู้-ตัวเมีย) มาประกบกันเข้า แล้วเทตะกั่วลงทาง ด้านเท้า (หมายถึงเอาด้านเศียรลงต่ำ) เนื้อตะกั่วจะแล่นไปทั่วแม่พิมพ์ ทำให้เกิดความสมบูรณ์และสวยงาม (ผมเคยไปดู เขาเทพระมาเลยนำมาเล่าสู่กันฟัง) ก่อนที่ช่างเขาจะเทนั้น ช่างเขาจะต้องทำความสะอาดแม่พิมพ์ให้ดีซะก่อนแล้วทำ การเท พระร่วงหลังรางปืน ก็คงจะเป็นเช่นนี้
พระร่วงหลังรางปืน(ผิวสนิมจะแดงแบบลูกหว้าสุก) และจะต้องมีคราบไขขาวเกาะกันแน่นเป็นหย่อมๆ สนิมมีแตก ลายงาที่บางคนเรียกว่า แตกแบบใยแมงมุม และไม่ใช่แตกแบบจงใจหักให้งอไปงอมา พระร่วงปลอมใหม่ๆเขาทำกัน อย่างนั้น สนิมของพระร่วงแท้จะต้องเป็นสนิมที่มีความมันเงาภายในเนื้อตะกั่ว ไม่ใช่แดงเฉพาะแค่ผิวเท่านั้นแต่ต้อง
แดงถึงเนื้อตะกั่ว (เนื้อใน) พระร่วงบางองค์หักและเปราะหักง่าย เป็นเพราะว่าเนื้อตะกั่วหมดยาง (หมดสภาพ) แต่ยังยึดเกาะแน่นเพราะสนิมนั่นเอง.
เผยแพร่โดย จ.ส.อ. เอนก เจกะโพธิ์
-------------------------------------------------------------
ได้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชม เว็ปนี้และได้กรุณาติงว่า ภาพพระร่วงหลังรางปืน ดูเหมือนภาพพระพุทธรูปอะไรสักอย่าง ไม่น่าจะใช่พระร่วงหลังรางปืน ผมจึงได้แจ้งให้ผู้ที่ส่งเรื่องให้ผมโพสต์ ทราบ เขาจึงได้ส่งรูปมาเพิ่มเติม พร้อมทั้งยืนยันที่มา ที่ไปครับ
ถ้ายังไง ก็กรุณาใช้วิจารณญาณ วิเคราะห์กันด้วย สติ และปัญญา ตามคำสอนของพระพุทธองค์ด้วย จะเป็นกุศลแก่ตนเองครับ.
----------------------------------------------
สำหรับผม นายชำนาญ ต้องขอ ออกตัวใว้ก่อนว่า ไม่มีความรู้เรื่องนี้ครับและในชีวิตที่เกิดมาเกินครึ่ง ศตวรรษ ก็ไม่เคยเห็นของจริง หรือ ถ้าใครบอกว่าของจริง ก็ไม่แน่ว่าผมจะเชื่อ..? และไม่กล้าอวดอุตริฯ ด้วยครับ พระพุทธองค์ตรัสใว้ว่า บาปหนานัก พุทธมามะกะ ท่านใดที่ไม่รู้แจ้ง แต่อวดว่าตนนั้น รู้แจ้งเห็นจริงแล้ว สาธุ.
ที่มา http://pharuang.blogspot.com/
อภินิหารพระร่วงรางปืนวัดพระสิงห์ พ.ศ.2512

อภินิหารพระร่วงรางปืนวัดพระสิงห์ พ.ศ.2512
ในบรรดาพระเครื่องรางของขลังที่สร้างขึ้นในยุคปัจจุบันปรากฎว่าการสร้างพระกริ่งนเรศวรเมืองงาย พระชัยวัฒน์นเรศวร พระร่วงรางปืน และเหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2512 มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในภาคเหนือ ของที่สร้างขึ้นทุกอย่างอยู่ในความนิยมของประชาชนอย่างล้นหลาม ปรากฎว่าพระกริ่งนเรศวรเมืองงายจำนวน 2,512 องค์ ที่สร้างขึ้นถูกสั่งจองเกือบหมด คณะกรรมการต้องระงับการให้เช่าไว้จำนวนหนึ่ง ส่วนพระชัยวัฒน์นเรศวรซึ่งสร้างขึ้นจำนวน 2,512 องค์เท่านั้นมีผู้เช่าหมดในเวลาไม่ถึง 5 วัน พระร่วงรางปืนและเหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งสร้างขึ้นจำนวนอย่างละ 100,000 องค์ ปรากฎว่ามีประชาชนเฮโลกันเข้าเช่า วันละไม่ต่ำกว่า 1,000 คนภายในระยะเวลา 15 วัน คณะกรรมการต้องลดการให้เช่า มิเช่นนั้นของจะหมดไป จะต้องกันจำนวนหนึ่งมอบให้ทหาร ตำรวจ ที่ช่วยปฏิบัติราชการชายแดน และนำบรรจุไว้ในสถูป เจดีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วย จากผลการให้เช่าในระยะ 15 วัน ปรากฎว่าได้ยอดเงินกว่า 1 ล้านบาท รวมกับที่รับจองไว้ล่วงหน้าเป็นเงินทั้งสิ้นรวม 3 ล้านบาทเศษนับว่าได้ผลเกินคาดหมาย เหตุใดของที่สร้างขึ้นจึงอยู่ในความนิยมอย่างสูงของประชาชน และหมดลงในอย่างรวดเร็ว มีมูลมาจากเหตุหลายประการ
- ประการแรก พิธีสร้างได้สร้างขึ้นอย่างถูกวิธีประกอบทั้งเจ้าพิธีคือ พระอาจารย์ไสว สุมะโน แห่งวัดราชนัดดารามวรวิหาร เป็นผู้มีชื่อเสียงทางการสร้างพระมาก่อน ได้ทุ่มเทพลังงานทั้งหมดมาแต่ต้น
- ประการที่ 2 พระเกจิอาจารย์ที่มาปลุกเสก ต่างก็มีชื่อเสียงมาก่อนทั้งด้านเมตตามหานิยม อาคมคงกะพันชาตรี
- ประการที่ 3 รางปาฎิหารย์ระหว่างพิธีบวงสรวงสังเวยพระวิญญาณฯ ที่จังหวัดพิษณุโลก
- ประการที่ 4 ปรากฎว่ามีผู้นำพระร่วงรางปืนไปทดลองในด้านคงกะพันชาตรี ยิงไม่ออก ยิงออกแต่ก็ไม่ถูก
มีผู้คนต่างแตกตื่นแห่กันมาขอเช่า จนโต๊ะ เก้าอี้จำหน่ายพังไปหลายตัว ตอนหลังเจ้าหน้าที่ ต้องแก้ด้วยวิธีปิดห้องประชุม ให้ผู้เช่าเข้าคิวเช่าตามช่องรั้วลูกกรงเหล็กถึง 5 โต๊ะ (5 ช่อง) ถึงกระนั้นก็ต้องยืนรอคิวกันทั้งวัน
- ประการสุดท้าย ที่สำคัญที่สุดก็คือ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาทรงเททองวันประกอบพิธีพุทธาภิเษก
พุทธคุณดีครบทุกด้านโชคลาภ ค้าขาย เมตตามหานิยมมหาอุต เหนียว และเพิ่มบารมีในการปกครองดูแลลูกน้องและครอบครับเพราะมีคณาจารย์มาร่วมปลุกเสกนับร้อยที่มีชื่อเสียงยุคนั้นมากมายในยุคปี12
- พระร่วงรางปืนวัดพระสิงห์ ฐานกว้าง 1.6 ซม. สูง 4.6 ซม. มีพิมพ์หลังรางปืนและพิมพ์หลังแบบ พิมพ์หลังแบบมีจำนวนจัดสร้างเพียง 2,000 องค์ พิมพ์หลังรางปืนมีทั้งร่องเล็กและร่องใหญ่มีลักษณะเป็นรากผักชี ติดชัดบ้างจางบ้าง เนื่องจากจำนวนการจัดสร้างที่มาก 98,000 องค์ ให้บูชาองค์ล่ะ 10 บาท ในปี 2512
ที่มา http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=782
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)