p63396041001.jpg

ลำดับของดาวเคราะห์ (เรียงจากใกล้ดวงอาทิตย์สุดไปหาไกล) คือ 
ดาวพุธ (Mercury) 
ดาวศุกร์ (Venus) 
โลก (Earth) 
ดาวอังคาร (Mars) 
ดาวพฤหัสบดี (Jupiter) 
ดาวเสาร์ (Saturn) 
ดาวยูเรนัส (Uranus) 
ดาวเนปจูน (Neptune) 
ดาวพลูโต (Pluto)
 

ฝรั่งช่างคิดได้ประดิษฐ์ประโยคช่วยจำ (mnemonic) อยู่หลายแบบ เช่น Mary's Violet EyeS Made John Sit UP Nights Pondering. 
สังเกตว่าตัวอักษรตัวหน้า คือ M V E M J S U N P ซึ่งก็คืออักษรแรกของชื่อดาวเคราะห์แต่ละดวงนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีประโยคอื่นอีก เช่น 
Mary Visits E
very Monday Just Stays UntiI NoonPeriod. หรือถ้าชอบแบบโหด ๆ ก็ท่องว่า My Very EIegant Mother Just Sat Upon Nine Porcupines. 
ข้อมูลนี้ได้มาจากเว็บไซต์ของสมาคมดาราศาสตร์ไทย 
“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”

ที่มา สนุก.คอม


สำหรับดอกไม้ประจำวันครู คือ “ดอกกล้วยไม้”โดยพิจารณาเห็นว่าคุณลักษณะของดอกกล้วยไม้ มีลักษณะและความหมายคล้ายคลึงกับสภาพชีวิตครู นั่นคือ กว่ากล้วยไม้แต่ละช่อจะผลิดอกออกผลให้เราชื่นชมได้ ต้องใช้เวลานานและต้องการดูแลเอาใจใส่ไม่น้อย เช่นเดียวกับครูแต่ละคน กว่าจะสั่งสอนเคี่ยวเข็ญศิษย์คนแล้วคนเล่าให้มีความเจริญงอกงามก้าวหน้าในชีวิตได้ ก็ต้องใช้เวลาอบรมสั่งสอนมิใช่น้อยเช่นกัน นอกจากนี้ กล้วยไม้ยังเป็นพืชที่อยู่ในที่สูงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ไม่ร่วงโรยง่าย เปรียบเสมือนครูที่อยู่ทั่วแดนไทยที่ต้องอดทนต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และอุทิศตนเพื่อการศึกษาของชาติ

ดังคำกลอนของ หม่อนหลวงปิ่น มาลากุล ศิลปินแห่งชาติ ที่ว่า

“กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด
การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น
แต่ออกดอกคราวใด งานเด่น
งานสั่งสอนปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม”


พระพุทธเจ้าได้เปรียบครูว่า เป็นดังทิศเบื้องขวา ผู้ซึ่งมีหน้าที่อนุเคราะห์ต่อศิษย์ดังนี้
๑ แนะนำฝึกอบรมให้เป็นคนดี 
๒.สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง 
๓.สอนศิลปวิทยาให้สิ้นเชิง 
๔.ส่งเสริมยกย่องความดีงามความสามารถให้ปรากฏ และ
๕.สร้างเครื่องคุ้มภัยในสารทิศ คือ สอนฝึกให้สามารถใช้วิชาเลี้ยงชีพ และรู้จักดำรงรักษาตน ในอันที่จะดำเนินชีวิตต่อไปด้วยดี

งานของครู นั้น เป็นงานหนัก และเป็นงานที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นงานสร้างคน โดยเฉพาะการสร้าง 
“คนดี” อันจะเป็นเสมือน “ต้นกล้า”ที่มีคุณภาพให้แก่แผ่นดินในอนาคต ในรอบปีที่ผ่านมา มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อวิชาชีพครูไม่น้อย หลายปัจจัยอาจจะทำให้ครูหลายท่านเกิดความท้อแท้ ขาดกำลังใจ ดังนั้น ในโอกาสวันที่ ๑๖ มกราคม อันเป็น “วันครู” จะได้เวียนมาบรรจบครบอีกปีหนึ่ง จึงขอเชิญชวนพวกเราทุกคน 
ซึ่งล้วนเคยผ่านการเป็นลูกศิษย์ลูกหาของครูมามากมายหลายท่าน ผ่านความรักความผูกพันที่ท่านได้มอบให้ด้วยความจริงใจ และความปรารถนาดีมาโดยตลอด ได้ร่วมส่งกำลังใจให้แก่ครูทุกท่าน พร้อมรำลึกถึงพระคุณของท่านด้วยการแสดงความรักและความกตัญญูกตเวที เช่น ส่งบัตรอวยพรถึงท่าน โทรศัพท์ไปแสดงความระลึกถึง ซื้อของกินของใช้ไปให้ท่าน นัดเพื่อนรุ่นเดียวกันไปเยี่ยม พาลูกหลานไปกราบคารวะท่านตามควรแก่โอกาส เป็นต้น 
“ครูดีเป็นศรีแผ่นดิน ศิษย์ทั่วถิ่นศรัทธาบูชาครู”
(คำขวัญวันครู ปี ๒๕๔๙)

ที่มาhttp://campus.sanook.com/u_life/knowledge_01445.php

พระราชดำรัส

                         "ถ้าครูไม่ห่วงประโยชน์ที่ควรจะห่วง  หันไปห่วงอำนาจ  ห่วงตำแหน่ง  ห่วงสิทธิ์  และห่วงรายได้กันมากเข้าๆ
                 แล้วจะเอาจิตใจที่ไหนมาห่วงความรู้  ความดี  ความเจริญของเด็ก  ความห่วงใยในสิ่งเหล่านั้นก็จะค่อยๆบั่นทอนทำลาย
                 ความเป็นครูไปจนหมดสิ้นจะไม่มีอะไรดีเหลือไว้ พอที่ตัวเองจะภาคภูมิใจหรือผูกใจใครไว้ได้   ความเป็นครูก็จะไม่มี
ี                 ค่าเหลืออยู่ให้เป็นที่ เคารพบูชาอีกต่อไป"
   

  พระราชทานแก่ครูอาวุโสในโอกาสเข้าเฝ้าฯ
ณ  พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันเสาร์ที่   21  ตุลาคม  2521

ที่มา  http://school.obec.go.th/donyai/wankru.htm


           วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 สืบเนื่องจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ ปีพ.ศ.2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภา เป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวครู ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู  

           ด้วยเหตุนี้ในทุกๆ ปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคยาจารย์หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา

            คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ในวันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2488 เป็นวันครูและให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้

            การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปีอนุสรณ์ที่สำคัญคือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุ

            การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลา ในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1.กิจกรรมทางศาสนา
2.พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
3.กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น

            ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้มีกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับในส่วนกลางจัดหอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วยบุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการโดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับส่วนกลาง จะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้

            รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง(หอประชุมคุรุสภา)พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการจัดงานวันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์ จำนวน 1,000 รูป หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุสภา นายกรัฐมนตรีเดินทางเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วพิธีบูชาบูรพาจารย์โดยครูอาวุโสนอกประจำการจะเป็นผู้กล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ว่าดังนี้

 คาถา ปาเจราจริยา โหนฺติ คุณุตฺตรานุสาสกา (วสันตดิลกฉันท์)

ข้าขอประนมกระพุ่ม            อภิวาทนาการ
กราบคุณอดุลคุรุประทาน                   หิตเทิดทวีสรร
 สิ่งสมอุดมคติประพฤติ         นรยึดประครองธรรม์
ครูชี้วิถีทุษอนันต์                               อนุสาสน์ประภาษสอน
 ให้เรืองและเปรื่องปริวิชาน   นะตระการสถาพร
 ท่านแจ้งแสดงนิติบวร                        ดนุยลยุบลสาร
 โอบเอื้อและเจือคุณวิจิตร      ทะนุศิษย์นิรันดร์กาล
 ไปเปื่อก็เพื่อดรุณชาญ                       ลุฉลาดประสาทสรรพ์
บาปบุญก็สุนทรแถลง           ธุระแจงประจักษ์ครัน
เพื่อศิษย์สฤษฎ์คตจรัล                       มนเทิดผดุงธรรม
 ปวงข้าประดานิกรศิษ           (ษ) ยะคิดระลึกคำ
ด้วยสัตย์สะพัดกมลนำ                       อนุสรณ์เผดียงคุณ
 โปรดอวยพรสุพิธพรอเนก    อดิเรกเพราะแรงบุญ
ส่งเสริมเฉลิมพหุลสุน-               ทรศิษย์เสมอเทอญฯ

              คาถา ปญญาวุฑฺฒิกเรเตเต  ทินฺโนวาเท นมามิหํ

            คำประพันธ์ของ  พระวรเวทย์พิสิฐ (วรเวทย์ ศิวะศริยานนท์) ครูอาวุโสสวดคาถาแรกแล้วสวดคำฉันท์ในวรรคแรก นำผู้ที่มาประชุมสวดต่อจนจบ แล้วครูอาวุโสสวดคาถาท้าย

              จากนั้นประธานจัดงานวันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบ 1 นาที เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อด้วยครูอาวุโสในประจำการ นำผู้ร่วมประชุมกล่าวปฏิญาณ ดังนี้

1. ข้าจะบำเพ็ญตนในสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
2. ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
3. ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม

             จากนั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคล  แล้วต่อด้วยนายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี  โดยมอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและในประจำการสุดท้าย กล่าวปราศรัย กับคณะครูที่มาประชุม

บรรณานุกรม 

สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ. ข้อมูลวันสำคัญโครงการปีรณรงค์วัฒนธรรมไทยและแนวทางในการจัดกิจกรรม. กรุงเทพฯ : สำนักงาน, 2537.

ภาพประกอบ

http://www.moe.go.th/webpr/teacher/board2.html

ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด