วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6572 ข่าวสดรายวัน
เครื่องกรอกและปอกข้าวหลาม ไอเดียนักศึกษามรภ.เพชรบูรณ์

ไอคิวทะลุฟ้า
ปฤษณา กองวงค์


ข้าวหลาม อาชีพหลักสร้างรายได้ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ล่าสุดโกอินเตอร์ ส่งนอกกันแล้ว 

ข้าวหลามฝีมือชาวบ้านหมู่บ้านพรหมยาม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ มีจำนวนผลิตไม่ต่ำกว่า 1,300 กระบอกต่อวัน ถ้ามีออร์เดอร์จากบริษัทสั่งเข้ามาต้องผลิตมากถึงวันละ 20,000 กระบอก เพื่อส่งออกไปยังประเทศสิงคโปร์และออสเตรเลีย

จากความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น กลายเป็นที่มาของ "เครื่องกรอกข้าวหลาม" และ "เครื่องปอกข้าวหลาม" ผลงานทั้ง 2 ชิ้นนี้ เป็นฝีมือและไอเดียของ นักศึกษาภาควิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาเทคโนโลยีการผลิต มหาวิทยา ลัยราชภัฏเพชร บูรณ์ เข้าร่วมประกวดในโครงการ "ราง วัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย (นวท.) ประจำปี 2551" จัดโดยสมาคมวิทยา ศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สสส. ปตท. และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อไม่นานนี้



"เครื่องกรอกข้าวหลาม" ฝีมือนายนัฐพงษ์ มีสี นายรังสฤษดิ์ ซาบุ นายศุภชัย ไทยประยูร และนายเสรี ทองใบ 

"เครื่องปอกข้าวหลาม" ฝีมือนายกล้า สีอินดำ นายณัฐพงษ์ ขวัญหอม นายปรเมษฐ์ คำสิบ และนายแสงสุรีย์ คำลา 

นายศุภชัย ไทยประ ยูร หรือ อั๋น หนึ่งในทีมผู้ผลิตเครื่องกรอกข้าว หลาม เล่าต่อว่า การกรอกข้าวหลามแต่ก่อนใช้มือกรอกเมล็ดข้าวลงไปในกระบอกไม้ไผ่ ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมากเพื่อให้เสร็จตามเวลา จึงสร้างเครื่องนี้ขึ้นเพื่อลดแรงงานคน ลดระยะเวลา ทำให้ข้าว หลามสะอาดถูกหลักอนามัย และช่วยส่งเสริมการผลิตข้าวหลามกับกลุ่มผู้ประกอบการรายอื่นๆ ให้ผลิตได้มากตามต้องการ เครื่องกรอกข้าวหลามนี้จะกรอกข้าวหลามได้ 25 กระบอกในเวลา 1 นาที เมื่อเปรียบเทียบกับแรงงานคนใน 1 นาทีทำได้เพียง 3 กระบอก ถือว่าทำงานได้เร็วกว่าคนถึง 8 เท่า และในเวลา 50.4 นาทีกรอกข้าวหลามได้ประมาณ 1,264 กระบอก 



แต่เมื่อถึงขั้นตอนปอกเกิดความยุ่งยาก บางครั้งได้รับอันตรายจากคมมีดที่ใช้ปอก 

นายแสงสุรีย์ คำลา หรือ แสง เล่าถึงเครื่องปอกข้าวหลามที่ช่วยกันสร้างขึ้นว่า ความโดดเด่นอยู่ที่ชุดใบมีดที่ใช้ปอกข้าวหลาม ซึ่งกลม เรียว และคมมาก กว่าจะทดลองและได้ค่าองศาของใบมีดที่ดีตามต้องการใช้เวลาทดสอบนานมาก

การใช้งานเริ่มจากเปิดฝาตัวเครื่อง นำใบมีดเฉพาะไซซ์กระ บอกข้าวหลามมาวางไว้ที่เบ้ารองรับมีดที่อยู่ในตัวเครื่อง ปิดฝาครอบ นำกระบอกข้าวหลามไปไว้ที่ปากคมมีดให้อยู่ตรงกลาง จากนั้นหมุนปรับความหนาของเปลือกผิวไม้ไผ่ที่ติดอยู่กับฝาปิดว่าจะปอกเปลือกออกเท่าไหร่ กดหัวกดเพื่อดันกระบอกข้าวหลาม โดยใช้มือหมุนขับเฟืองสะพานผ่านใบมีดจนสุดกระบอกข้าวหลาม ผิวนอกของกระบอกข้าวหลามจะแตกออก เหลือผิวกระบอกเนื้อขาวหุ้มเนื้อนำไปจำหน่าย

เครื่องปอกจะใช้เวลาปอกกระบอกละ 39 วินาที ถ้าใช้แรงคนปอกใช้เวลากระบอกละ 2 นาที จึงเร็วกว่าคนปอก 3 เท่า

ผิวกระบอกข้าวหลามที่ได้ยังเรียบและกลมกว่าใช้แรงงานคน แม้ว่าผิวจะมีเสี้ยนของเนื้อไม้เล็กน้อยแต่เป็นที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงานและปลอดภัย แต่ข้อด้อยคือยังทำได้ทีละกระบอกและยังต้องใช้แรงงานคน บางกระบอกหนามากต้องใช้แรงเยอะ การวางกระบอกแรกต้องให้ได้ศูนย์กลางจึงจะง่ายกับกระบอกถัดไป

แสงกล่าวถึงความคาดหวังของผลงานว่า "อยากให้เผยแพร่และนำไปใช้ได้จริง หรือนำไปประยุกต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดกับผู้ประกอบการ"


หน้า 24
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6567 ข่าวสดรายวัน
กรุ๊ปเลือด-บริจาคเลือด


คอลัมน์ รู้ไปโม้ด

น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com



เลือดมีกี่กรุ๊ป แล้วกรุ๊ปไหนบริจาคให้กรุ๊ปไหนได้ หรือไม่ได้ครับ

นนท์

ตอบ นนท์

ข้อมูลจากเว็บ ไซต์วิกิพีเดีย ระบุว่า หมู่โลหิต หรือกรุ๊ปเลือด คือ การแยกแยะเลือดเป็นหมวดหมู่ 

ทุกคนควรทราบว่า ตนเองมีหมู่โลหิตอะไรเพราะมีความสำคัญอย่างมากต่อการรับโลหิต และการบริจาคโลหิต ในกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน

กรุ๊ปเลือดเป็นลักษณะจำเพาะที่พบบนเม็ดโลหิต ทำให้แบ่งเป็นหมู่ต่างๆ กันไปในแต่ละบุคคล สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดปฏิกิริยาจากการรับโลหิตผิดหมู่ได้ ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยการควบคุมของยีน จึงใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ทางนิติเวช และใช้ศึกษาการสืบเชื้อสายของเหล่าพันธุ์มนุษย์ได้ 

หมู่โลหิตสามารถจำแนกได้มากมายหลายระบบ มากกว่า 20 ระบบ แต่ที่นิยม ได้แก่ ระบบ ABO และระบบ Rh

ระบบ ABO แบ่งออกได้เป็นสี่หมู่ คือ A, B, AB และ O (หมู่เลือด O พบมากที่สุด ส่วน A กับ B พบได้มากพอๆ กัน และ AB พบได้น้อยที่สุด

จำแนกตามสารชีวเคมี แอนติเจน-เอ และแอนติเจน-บี เป็นตัวกำหนด

หมู่โลหิต A คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-เอ อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดงและมีแอนติบอดี-บี อยู่ในน้ำเหลือง 

หมู่โลหิต B คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-บี อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดงและมีแอนติบอดี-เอ อยู่ในน้ำเหลือง 

หมู่โลหิต O คือหมู่โลหิตที่ไม่มีแอนติเจน-เอ และแอนติเจน-บี อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง แต่มีแอนติบอดี-เอ และมีแอนติบอดี-บี อยู่ในน้ำเหลือง

หมู่โลหิต AB คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-เอ และแอนติเจน-บี อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง แต่ในน้ำเหลือง ไม่มีแอนติบอดี-เอ และแอนติบอดี-บี 

ระบบนี้ค้นพบในปี 2443 โดย คาร์ล แลนด์ สไตเนอร์ ได้ทดลองเจาะโลหิตของผู้ร่วมงานจำนวน 6 คน แล้วนำมาแยกเม็ดเลือดแดง และน้ำเหลืองออกจากกัน 

ต่อจากนั้นได้นำเม็ดเลือดแดงและน้ำเหลืองของแต่ละคนมาทำปฏิกิริยาสลับกันไปมา ปรากฏว่า บางคู่เกิดปฏิกิริยาจับกลุ่ม บางคู่ก็กลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จากปรากฏการณ์นี้ต่อมาในปี 2444 สไตเนอร์ จึงสรุปผลการทดลองว่าโลหิตแบ่งออกเป็น 3 หมู่ คือ A, B และ O สำหรับหมู่ที่ 4 คือ AB พบโดย วอนเคอ คาสติโล และ สเตอลี ในปี 2445

ส่วนระบบ Rh ค้นพบในปี 2482 โดยนักวิทยาศาตร์ 2 คน ชื่อ เลอวิน และ ลีแวน เวล สเต็ดสัน พบว่า หลังจากที่ถ่ายเลือดให้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเสียเลือดจากการคลอดบุตรที่ตายในครรภ์ มีปฏิกิริยากับน้ำเหลืองของมารดา ทำให้เม็ดเลือดแดงของบุตรแตก 

ในตอนนั้นเข้าใจว่า หญิงคนนั้นได้รับสารชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะต่างจากเม็ดโลหิตแดงของลูก ต่อมาในปี 2483 นักวิทยาศาสตร์อีก 2 คน คือ คาร์ล แลนด์ สไตเนอร์ ร่วมกับ อเล็กซานเดอร์ วินเนอร์ ทดลองฉีดเม็ดโลหิตแดงของลิง และยังทำปฏิกิริยากับเม็ดเลือดแดงของคนทั่วไปอีกจำนวน 84% ต่อมาภายหลังพบปรากฏการณ์เช่นนี้อีกในคน 3 คน ที่ได้รับโลหิตหมู่ ABO ที่ตรงกัน จึงเชื่อว่าเกิดจากโลหิตหมู่พิเศษ นอกเหนือไปจากหมู่โลหิต ABO

มีสองกลุ่มได้แก่ Rh บวก (Rh+ve) คือ พวกที่มี อาร์เอช แอนติเจน บนเม็ดเลือดแดง พวกนี้จะพบได้มาก ซึ่งเกือบทั้งหมดของคนไทยเป็นพวกนี้ กับ Rh ลบ (Rh-ve) คือ พวกที่ไม่มี อาร์เอช แอนติเจน บนเม็ดเลือดแดง พวกนี้จะพบได้น้อยมาก คนไทยเราพบเลือดพวกนี้เพียง 0.03% เป็นพวกที่บางครั้งอาจถูกเรียกว่าเป็นผู้มีโลหิตหมู่พิเศษ ซึ่งจะพบได้มากขึ้นในชาวไทยซิกข์

มารดาและบุตรในครรภ์ หากกลุ่มเลือดระบบ Rh ไม่ตรงกัน (มีโอกาสเกิดน้อยมากในคนไทย) มีโอกาสทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น ภาวะตัวเหลืองในเด็กแรกเกิด

ตัวอย่างการรายงานกลุ่มเลือด เช่น A+ve คือเลือดกรุ๊ป A Rh+ve ตามปกติ ส่วน AB-ve เป็นเลือดกรุ๊ป AB และเป็นหมู่เลือดพิเศษ Rh-ve ซึ่งหายากที่สุด 

โดยปกติแล้วโลหิตหมู่ AB ในคนไทยพบน้อยกว่า 5% ซึ่งถ้าเป็น AB-ve จะพบแค่ 1.5 คน ใน 1 หมื่นคนเท่านั้น

คนเลือดกรุ๊ป Rh-ve ต้องรับจาก Rh-ve เท่านั้น 

(หากคนเลือดกรุ๊ป Rh-ve รับเลือดจาก Rh+ve อาการข้างเคียงจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น ในครั้งถัดๆ ไป) 

คนเลือดกรุ๊ป O รับได้จาก O เท่านั้น แต่ให้กับกรุ๊ปอื่นได้ทุกกรุ๊ป 

คนเลือดกรุ๊ป AB รับได้จากทุกกรุ๊ป แต่ให้เลือดแก่ผู้อื่นได้เฉพาะคนที่เป็นเลือดกรุ๊ป AB 

คนเลือดกรุ๊ป A รับได้จาก A, O ให้ได้กับ A, AB 

คนเลือดกรุ๊ป B รับได้จาก B, O ให้ได้กับ B, AB


หน้า 24
ที่มา 
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNakl4TVRFMU1RPT0=&sectionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB5TVE9PQ==

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6563 ข่าวสดรายวัน
จำปาดะ


รู้ไปโม้ด
nachart@yahoo.com



อยากรู้ว่าจำปาดะเป็นผลไม้แบบไหน นำมาทำอาหารได้ไหม อยากได้ข้อ มูล ขอบคุณค่ะ

Oil

ตอบ ออยล์


จำปาดะ (chempedak) เป็นไม้ผลสกุลเดียวกับ ขนุน คืออยู่ในวงศ์ Moraceae แต่ขนาดของผลเล็กกว่า กลิ่นแรงกว่า และเนื้อเละกว่า มีการกระจายพันธุ์อยู่ในบริเวณภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับประเทศไทยนิยมปลูกทางภาคใต้ จัดให้เป็นไม้ที่ไม่ผลัดใบ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artocarpusinteger Merr ผลนำมากินสดๆ ได้ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารหลากหลายได้ทั้งของหวานและของคาว ทั้งไม้ของมันยังใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้ด้วย

จำปาดะมีดอกตัวผู้และตัวเมียอยู่ในตัวเดียวกัน ลำต้นสูงประมาณ 20 เมตร เปลือกของลำต้นสีน้ำตาลปนเทา ออกผลตามลำต้นและกิ่ง ใบมีลักษณะรูปไข่สีเขียวเป็นมัน มีขนเล็กๆ สีน้ำตาลบนใบ ขนาดของใบ 5-12 x 2.5-12 เซนติเมตร ลักษณะดอกตัวผู้เป็นทรงกระบอก ขนาด 3-3.5 เซนติเมตร สีขาวหรือเหลือง ก้านช่อดอกตัวผู้ยาว 3-6 เซนติเมตร เกสรตัวเมียมีขนาด 1.5 มิลลิเมตร ผลอ่อนมีสีน้ำตาลปนเหลือง ขนาด 20-35 x 15 เซนติเมตร ผลสุกมีกลิ่น (หอม) รุนแรง



การขยายพันธุ์ เป็นไม้ที่ถ้าขยายพันธุ์จากเมล็ดจะให้ผลภายใน 3-6 ปี แต่ก็สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีติดตา ต่อกิ่ง ทาบกิ่งจากพืชชนิดเดียวกัน เช่น ขนุนใช้ต้นตออายุ 8-11 เดือน จัดเป็นไม้ผลที่ปลูกง่ายเช่นเดียวกับขนุน พันธุ์ที่ดี มีผลใหญ่ สีเนื้อสวย เช่น พันธุ์ CH29 มีเนื้อสีส้ม และพันธุ์ CH26, CH27 และ CH28 ให้ผลผลิตสูง ส่วนราคานั้นอยู่กับขนาดของผลและคุณภาพของเนื้อ ซึ่งทำรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ดีมาก

จำปาดะมีน้ำหนักผลอยู่ระหว่าง 600-3,500 กรัม น้ำหนักของเนื้อ 100-1,200 กรัม น้ำหนักแห้งของเนื้อ 100 กรัม คุณค่าทางอาหารมีโปรตีน 3.5-7 กรัม ไขมัน 0.5-2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 84-87 กรัม กาก 5-6 กรัม เถ้า 2-4 กรัม และในเนื้อสดจะมีน้ำอยู่ 58-85% ส่วนน้ำหนักแห้งของเมล็ดมีโปรตีน 10-13% ไขมัน 0.5-1.5% คาร์โบไฮเดรต 77-81% กาก 4-6% เถ้า 3-4% เมล็ดสดจะมีน้ำผสมอยู่ 46-78% ใน 1 ผลมีน้ำหนัก 65-880 กรัม

การใช้ประโยชน์ ลำต้นใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นวัสดุในการก่อสร้าง และทำอุปกรณ์การเกษตร แก่นของลำต้นนำไปต้มย้อมจีวรพระ ใบอ่อนเป็นผักจิ้มหรือกินกับส้มตำ ผลอ่อนใช้ปรุงอาหาร ผลสุกรับประทานสด หรือประยุกต์เป็นขนม ดังนี้

จำปาดะกวน นำส่วนผสมได้แก่เนื้อจำปาดะบดละเอียด 3 ถ้วยตวง เมล็ดจำปาดะต้มสุกบดละเอียด 2 ถ้วยตวง หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง ใส่เนื้อและเมล็ดจำปาดะที่บดแล้วในกระทะทองเหลือง ใส่กะทิและน้ำตาลทรายขาว คนให้เข้ากัน ตั้งกระทะทองเหลืองบนไฟอ่อนปานกลาง กวนด้วยช้อนไม้ขนาดใหญ่จนเหนียวดี ลองปั้นดูไม่ติดมือจึงใช้ได้ ยกลงจากเตา ตักขนมใส่ถาดทิ้งไว้ให้เย็นแล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ เทคนิคคือควรใช้จำปาดะสุกดี เพื่อจะได้เนื้อสีเหลืองแก่ สวย

ขนมจำปาดะทอด จำปาดะสุก 1 ผล แป้งข้าวเจ้า 0.5 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 0.5 กิโลกรัม มะพร้าวขูด 1 ผล น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ งาขาวหรืองาดำ น้ำมัน 1 ขวด วิธีทำ นำผลจำปาดะมาผ่าแบะเปลือกออกพักไว้ ผสมแป้งข้าวเจ้ากับน้ำพอเหนียวหนืด ใส่น้ำตาลทราย เนื้อมะพร้าวขูด งาและน้ำปูนใสผสมให้เข้ากัน นำผลจำปาดะที่ผ่าแบะเปลือกออกเรียบร้อยแล้วมาชุบแป้งที่เตรียมไว้ให้ทั่ว นำลงทอดในกระทะที่น้ำมันร้อน ทอดให้เป็นสีเหลืองกรอบ นำขึ้นจากกระทะพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน หอมอร่อยมาก


หน้า 24
ที่มา http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNakUzTVRFMU1RPT0=&sectionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB4Tnc9PQ==
วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6565 ข่าวสดรายวัน
โครงงานวิทยาศาสตร์ เครื่องแยกไข่แบบบันไดเวียน ไอเดียเด็ดนักเรียนโรงเรียนสีคิ้ว


คอลัมน์ ไอคิวทะลุฟ้า

ปฤษณา กองวงค์


"มีคนถามหลายคนว่าทำไมต้องทำเครื่องแยกไข่แดงไข่ขาว จากการศึกษาพบว่าประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการทำไข่แดงเค็ม ซึ่งใช้เวลาดองเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น ต่างจากประเทศอื่น เขาดองเป็นฟองซึ่งเสียเวลา 21 วัน และนี่เป็นอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนาขึ้นมาในบ้านเรา ในอนาคตจะเห็นโรงงานที่ทำเรื่องนี้โดยตรง และการทำเครื่องนี้ช่วยเข้าไปเสริมอุตสาหกรรมให้แข็งแรงขึ้น"

คำบอกเล่าของ วุธ นายสราวุธ เหมจันทึก ถึงผลงาน "เครื่องแยกไข่แดงไข่ขาวแบบบันไดเวียน" ซึ่งพัฒนามาเป็นปีที่ 3 โดยทำร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน คือ น.ส.สุภาลัย ลาวรรณ์ หรือ อาย และ น.ส.เจนจิรา ใจมูลมั่น หรือ เจมส์ นักเรียนชั้นม.6 จากโรงเรียนสีคิ้ว สวัสดิ์ผดุงวิทยา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยมี อาจารย์สมเกียรติ แก้ววิ เวก ให้คำปรึกษา

ผลงานนี้เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่น่าสนใจ แม้ไม่ได้รับรางวัลในการแข่งขัน โครงการ "รางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย (นวท.) ประจำปี 2551" จัดโดยสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สสส. ปตท. และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ เมื่อไม่นานนี้



วุธเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ผลงานว่า "เห็นในรายการโทรทัศน์ที่นำเอาไม้แบดมินตันมาใช้แยกไข่ขาวไข่แดง ขณะที่ปัจจุบันยังใช้การสาวด้วยมือ ซึ่งต้องใช้เวลานาน เปอร์เซ็นต์การแตกสูง และถ้ามือไม่สะอาดทำให้สกปรกและเกิดเชื้อโรคได้ จึงนำสแตนเลสเพราะเป็นโลหะที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร ไม่เกิดสนิม และทำความสะอาดได้ มาทำเครื่องแยกและเป็นแนวทางในการพัฒนา

นอกจากนี้ ในบ้านเราเอง ร้านค้าขายขนมไทยในจังหวัดเพชรบุรี ร้านใหญ่ๆ ร้านหนึ่งใช้ไข่เป็นพันฟองในการทำขนม ถ้าเป็นร้านเล็กๆ ก็จะลดหลั่นลงไป ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมจีบ ซาลาเปา ก็ใช้ไข่แดงเค็มไม่น้อยในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่กว้างมาก"

วุธเล่าถึงการทำงานของเครื่องว่า ใช้หลักแรงโน้มถ่วงธรรมชาติ อาศัยช่องว่างของเส้นลวดในการทำให้ไข่ขาวหล่นไปสู่ช่วงล่างของราง ส่วนไข่แดงจะเคลื่อนที่ผ่านรางนี้เช่นกัน แต่ไข่แดงซึ่งเป็นก้อนจะแยกไปอีกทางหนึ่ง ทำให้ไข่ขาวกับไข่แดงแยกจากกัน เครื่องนี้พัฒนาขึ้นมาใหม่ในปีนี้ เป็นการต่อยอดในรุ่นที่ 3 ที่สมบูรณ์แบบที่สุด



ในรุ่นแรกทำเป็นบันไดเวียนเหมือนตัวมังกร ซึ่งมีขนาดรางใหญ่มากแต่ใช้ได้ไม่ดี จึงมีการพัฒนาในรุ่น 2 เปลี่ยนจากรางโค้งมาเป็นรางตรงคิดว่าน่าจะดี และทำขนาดให้เล็กลง ผลที่ได้คือทำงานได้ดีด้วยขนาดที่เล็กลง แต่ด้วยระยะทางที่ปล่อยให้ไข่ไหลลงไปในรางมีผลต่อความเร็วในการแยกไข่ และด้วยอยากให้ผลงานพัฒนาดีขึ้น จึงนำข้อมูลการพัฒนาทั้ง 2 รุ่น ทั้งขนาดของเส้นลวด มุมและความลาดเอียงของราง ระยะทาง และช่องว่างมาปรับปรุงให้ดีขึ้น กลายเป็นเครื่องแยกไข่ซึ่งดีกว่าทั้ง 2 รุ่นที่ผ่านมา

จากผลการทดสอบเครื่องแยกไข่จากเครื่องประดิษฐ์มีประสิทธิภาพดีกว่าการแยกไข่ด้วยมือ แถมยังประหยัดเวลาถึงครึ่งต่อครึ่ง โดยเครื่องนี้ราคาประมาณ 3 พันบาท แต่ผลงานชิ้นนี้เหมาะกับการใช้คู่กับไข่ไก่เบอร์ 2 มากที่สุด เพราะเป็นเบอร์ซึ่งเป็นที่นิยมในการทำขนม ถ้าเป็นไข่ชนิดอื่นอาจทำได้น้อย เช่น ถ้าเป็นไข่เป็ดจะหนืดมากกว่า หรือถ้าใช้ไข่นกกระทา ขนาดจะเล็กเกินไป ถือเป็นข้อด้อยของผลงานชิ้นนี้

วุธ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นเฟรชชี่ คณะวิศวกรรมเคมี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวต่อว่า เป็นผลงานของเด็กมัธยมที่คิดขึ้นมา แต่งานวิจัยส่วนใหญ่ก็พัฒนามาจากความคิดของเด็กๆ ชั้นมัธยมปลาย เพราะถ้าเป็นรุ่นพี่ๆ ที่โตเขาคิดมาก

"ผมก็หวังว่าให้เป็นแนวทางกับคนรุ่นใหม่ที่ได้เห็นและพัฒนาให้มีศักยภาพมากกว่าเดิม ทั้งยังอยากจะให้พัฒนาสู่ระดับอุตสาหกรรม จะทำให้อุตสาหกรรมบ้านเราเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น ประเทศเราก็จะเกิดการพัฒนาที่ก้าวไกลกว่าเดิม"


หน้า 24
 ที่มา  http://www.matichon.co.th/khaosod/daily.php?sectionid=TURNeE1RPT0=&selday=2008-11-19&sectname=%E0%C2%D2%C7%AA%B9

ความรู้ทั่วไป


www.karn.tv เว็บดี สำหรับเด็กอนุบาล-ประถมต้น
    สวัสดีค่ะคุณครู, คุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ขออนุญาติแนะนำเว็บ www.karn.tv ซึ่งเป็นเว็บที่จัดทำขึ้นสำหรับเด็กอนุบาลและพี่ประถมต้น เป็นเว็บสีขาวไร้มลพิษนะคะ เราตั้งใจที่จะค้นหา รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็กปฐมวัย-ช่วงชั้นที่1 จากที่ต่าง ๆ มาแบ่งปันให้ทุกคนสามารถดาวน์โหลดไปใช้ประโยชน์ได้เลย บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า พ่อ แม่ คือครูที่เข้าใจลูกดีที่สุด เราประสงค์ให้พ่อแม่ มีส่วนร่วมในการสอนลูกๆเองโดยใช้แบบฝึกหัด และข้อมูลต่างๆใน www.karn.tv เป็นอุปกรณ์ช่วย เสริมสร้างความรักในการเรียนรู้ หรืออย่างน้อยได้ใช้เวลาร่วมกันในวันหยุดค่ะ 1. มุมวิทยาศาสตร์ กระตุ้นความคิดแบบวิทยาศาสตร์ เรามีการทดลองวิทยาศาสตร์ง่ายๆที่เด็กก็ทำได้ อุปกรณ์ก็เป็นของที่สามารถหาได้สะดวกในห้องครัวที่บ้านนั่นเอง 2. มุมคณิตศาสตร์ เรามีแบบฝึกหัดมากมายกว่า 100 แผ่นให้ฝึกสมอง และมีเกมส์ฝึกเชาว์ จำพวก หาทางออก, ลากเส้นต่อจุด ฯลฯ 3. มุมศิลปะ มีมุมหัดวาดรูปสัตว์ และแจกภาพสำหรับระบายสีสวยๆหลายหมวด เช่น การ์ตูนดิสนีย์, โดราเอมอน และ เจ้าหญิง ฯลฯ 4. เที่ยวกันวันหยุด คนที่มองหากิจกรรม & สถานที่เที่ยวดีๆ สำหรับเด็ก 5. ห้องนิทาน มีนิทานอยู่หลายเรื่องทั้งนิทานทั่วไป, นิทานแบบเคลื่อนไหว online และนิทานเพลง 6. 108 ไอเดีย รวบรวมงานประดิฐษ์ง่ายๆ ทำของเล่น,ของใช้ที่น้องๆสามารถช่วยทำได้ เพื่อใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว และภาคภูมิใจในผลงานชิ้นเดียวในโลกอีกด้วย 7. ดนตรี & กีฬา แนะนำสถานที่เรียนสำหรับเด็ก 8. เพลงใสใจสบาย รวมเพลงสำหรับเด็ก และเพลงจากศิลปินที่มีเนื้อหาดี 9.รู้จักสัตว์เลี้ยง 10. อาหารสำหรับเด็ก ที่น้องๆชอบและสามารถช่วยทำได้ ขอเชิญคุณครู และผู้ปกครองที่สนใจทุกท่าน เข้าเยี่ยมชม www.karn.tv หากท่านมีความคิดเห็น-ข้อติชมอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กๆ โปรดแวะแลกเปลี่ยนกันที่เว็บบอร์ดนะคะ www.karn.tv ได้รับเลือกเป็น The Best Web ด้านสาระการศึกษาเด็ก ประจำเดือนตุลาคม 2551 ของ www.thaihotweb ด้วยครับ 
    
http://www.karn.tv
ค้นหาที่ทำการไปรษณีย์
     
ระบบค้นหาที่ทำการไปรษณีย์ ในประเทศไทย
    
http://www.thailandpost.com/search_address.asp
ครูเก่งดอทคอม
    การศึกษา บทความ ผลงานทางวิชาการ วิทยฐานะของครูและบุคลากรทางการศึกษา
    
http://www.krukeng.com/
คำศัพท์ไอที
     
รวบรวมคำจำกัดความ ความหมาย ที่มาของศัพท์คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ เรียงลำดับตัวอักษร A-Z
    
http://www.widebase.net/itterm/termindex_0.htm
โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
     
ค้นคว้าหาความรู้ ทั้ง ภาพ เสียง วีดีโอ และบทความ เพื่อทำรายงานและเก็บความรู้เพิ่มเติม
    
http://kanchanapisek.or.th/kp6
ดินแดนปัญญาชน
     
รวมสาระความรู้ บทความ เว็บไซต์ ทางด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ การศึกษา การบริหารเชิงรัฐศาสตร์
    
http://www.seal2thai.org
ไทยโค๊ชดอทคอม
     
รวบรวมข่าวสาร บทความ และสาระน่ารู้ที่เคยตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และโพสต์ทูเดย์ อีกทั้งยัง...
    
http://www.thaicoach.com
ไทยอินฟอร์เมชั่น 
     
รวมข้อมูลสำคัญ ตรวจเช็คราคาน้ำมัน ราคาทอง อัตราแลกเปลี่ยนเงิน สภาพการจราจร ค้นหาเที่ยวบิน แผนที่
    
http://www.thaiinformation.com
พจนานุกรมออนไลน์ ไทย-ญี่ปุ่น
    พจนานุกรมออนไลน์ ไทย-ญี่ปุ่น, ญี่ปุ่น-ไทย และพจนานุกรมอักษรคันจิ
    
http://saikam.nii.ac.jp
รหัสไปรษณีย์ไทย คำขวัญจังหวัด
     
ค้นหารหัสไปรษณีย์ รหัสจังหวัด รหัสโทรทางไกล คำขวัญจังหวัด ทั่วไทย 
    
http://postcode.narak.com
เล็กซ์ซิตรอน ดิกชันนารี่
     
LEXiTRON Thai - English Dictionary : ดิกชันนารี่ค้นหาศัพท์ ไทย - อังกฤษ และ อังกฤษ - ไทย
    
http://lexitron.nectec.or.th
วิกิพีเดีย
     
สารานุกรม วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และคณิตศาสตร์ วิทยาการ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ และวิศวกรรม สังคมศาสตร์ 
    
http://th.wikipedia.org
เว็บไซต์ที่น่าสนใจ
    เป็นเวบไซต์ความรู้คณิตศาสตร์
    
http://www.kanid.com
ศูนย์ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
     
รวบรวมความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เช่น การเกิดแผ่นดินไหว การเกิดภูเขาไฟระเบิด ทะเล การดูดาว น้ำพุร้อน
    
http://www.stloe.most.go.th
สุภาษิต
     
ให้บริการแปลภาษาบนเว็บไซต์ โดยกลุ่ม วิจัยและพัฒนาสาขาสารสนเทศ NECTEC ร่วมมือ กับบริษัท เอ็นอีซี 
    
http://www.suparsit.com
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
     
รวมลิงค์ไปยังพิพิธภัณฑ์ทางด้านวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีอากาศยาน
    
http://www.nsm.or.th
ที่มา 
http://www.kroobannok.com/weblink_cat_list.php?bcat_id=7
หลักการย้ายผู้บริหาร  สอบผู้บริหารหลักเกณฑ์ใหม่ (ล่าสุด)
นายศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ณ ห้องประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ชั้น ๒ อาคารราชวัลลภ 

การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการบริหารงานบุคคล กรณีการย้าย 
ที่ประชุมได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการในการบริหารงานบุคคล กรณีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครูสายงานการสอน และการสรรหาผู้บริหารสถานศึกษา สพท. เพื่อเป็นการเตรียมการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารและครู ในช่วงสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๕๑ ให้เกิดความเป็นธรรม และให้สามารถย้ายผู้บริหารข้ามสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สรุปดังนี้ 

๑) ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา 
๑.๑ หลักเกณฑ์พิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่มีขนาดเดียวกันและสถานศึกษาที่มีขนาดเล็กกว่า หรือใหญ่กว่าไม่เกินหนึ่งขนาด พร้อมในคราวเดียวกัน และเปิดโอกาสให้ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีผลงานดีเด่นสามารถย้ายข้ามขนาดสถานศึกษาได้เป็นพิเศษ 

๑.๒ ผู้ขอย้ายที่เคยมีประสบการณ์ปฏิบัติงานในสถานศึกษาที่จัดการศึกษาประเภทนั้นๆ มาก่อน สามารถพิจารณาย้ายไปดำรงตำแหน่งในประเภทนั้นๆ ได้ ได้แก่ 

๑.๒.๑ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา 
(๑) ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษา เคยดำรงตำแหน่งครูหรือตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี และมีประสบการณ์ในการบริหารโรงเรียนประถมศึกษาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน ไม่น้อยกว่า ๑ ปี สามารถพิจารณาย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาได้ 
(๒) ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษา เคยดำรงตำแหน่งครูหรือตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี และมีประสบการณ์ในการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันไม่น้อยกว่า ๑ ปี สามารถพิจารณาย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาได้ 

๑.๒.๒ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา 
(๑) รองผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษา เคยดำรงตำแหน่งครูโรงเรียนมัธยมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี และมีประสบการณ์ในการบริหารโรงเรียนประถมศึกษาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันไม่น้อยกว่า ๑ ปี สามารถพิจารณาย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาได้ 
(๒) รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษา ที่เคยดำรงตำแหน่งครูโรงเรียนประถมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี และมีประสบการณ์ในการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันไม่น้อยกว่า ๑ ปี สามารถพิจารณาย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาได้ 

๒) ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูสายงานการสอน 
โดยกำหนดว่าการย้ายครูสายงานการสอนไปแต่งตั้งในโรงเรียนมัธยมศึกษา ให้พิจารณาผู้ขอย้ายที่มีวุฒิและวิชาเอกตรงตามความต้องการของสถานศึกษาเท่านั้น และต้องไม่เกินจำนวนครูในวิชาเอกนั้นๆ ของโรงเรียนที่ควรมีตามเกณฑ์ เพื่อให้สถานศึกษาได้ครูที่มีความรู้ ความสามารถและตรงกับความต้องการของสถานศึกษา 

๓) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การสรรหาผู้บริหารสถานศึกษาที่สังกัด สพท. 
โดยการแยกเป็น ๒ บัญชี คือ บัญชีผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา และบัญชีผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาได้ผู้บริหารที่มีความรู้ความสารมารถ และประสบการณ์ตรงตามประเภทของการจัดการศึกษา และกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกในประเด็นประสบการณ์การดำรงตำแหน่งเพิ่มเติมจากที่ ก.ค.ศ. กำหนดไว้เดิม ดังนี้ 

๓.๑ บัญชีผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา 
๓.๑.๑ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา เดิม ก.ค.ศ.กำหนดว่า “ต้องดำรงตำแหน่งครูมาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ ปี สำหรับ ผู้มีวุฒิปริญญาตรี และ ๒ ปี สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาโทขึ้นไป หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ.เทียบเท่า” 

       ขอเพิ่มเติมคุณสมบัติผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกว่า “ต้องดำรงตำแหน่งครู หรือเคยดำรงตำแหน่งครูซึ่งปฏิบัติหน้าที่สายงานการสอนในโรงเรียนมัธยมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ ปี และจะต้องมีประสบการณ์ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ในโรงเรียนมัธยมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี” 
๓.๑.๒ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา เดิม ก.ค.ศ.กำหนดว่า “ต้องดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษามาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นที่มีประสบการณ์การบริหารไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากลุ่มมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี หรือดำรงตำแหน่งครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ.เทียบเท่า” 
ขอเพิ่มเติมและแก้ไขคุณสมบัติผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือก ดังนี้ 
       ๑) มีประสบการณ์ทางการบริหารในตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี 
       ๒) ขอแก้ไขจากผู้ดำรงตำแหน่งครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการ เป็นดำรงตำแหน่งครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครู                  ชำนาญการพิเศษ และมีประสบการณ์ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ในโรงเรียนมัธยมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี 


๓.๒ บัญชีผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา 
๓.๒.๑ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา เดิม ก.ค.ศ.กำหนดว่า “ต้องดำรงตำแหน่งครูมาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ ปี สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี และ ๒ ปี สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาโทขึ้นไป หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ.เทียบเท่า” 

            ขอเพิ่มเติมคุณสมบัติผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกว่า“ต้องดำรงตำแหน่งครู หรือเคยดำรงตำแหน่งครูซึ่งปฏิบัติหน้าที่สายงานการสอนในโรงเรียนประถมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ ปี” 
๓.๒.๒ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา เดิม ก.ค.ศ.กำหนดว่า “ต้องดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษามาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ที่มีประสบการณ์การบริหารไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากลุ่มมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี หรือดำรงตำแหน่งครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ.เทียบเท่า” 
        
ขอเพิ่มเติมคุณสมบัติผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกว่า “ต้องดำรงตำแหน่งครูหรือ เคยดำรงตำแหน่งครู ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สายงานการสอนในโรงเรียนประถมศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ ปี”.